Q: หุ้นจ่ายปันผลมาก หุ้นจ่ายปันผลน้อย หุ้นไม่จ่ายปันผล กองทุนรวมที่จ่ายปันผล และกองทุนรวมที่ไม่จ่ายปันผล … แบบไหนดีกว่ากัน?
A: ให้ดูที่ผลตอบแทนรวมที่เราได้ คือดูที่กำไรจากราคา + ปันผลสุทธิจากภาษี + ประโยชน์ที่เกิดจากเงินปันผลที่ได้ … คือเราลงเงินไป 100 บาทเมื่อเวลาผ่านไป รวม ๆ แล้วแบบไหนทำให้เรารวยขึ่้นมากว่ากัน … ที่เขาเรียกว่าให้ดูที่ Total Return
การลงทุนที่ไม่จ่ายปันผล แต่ทำให้เรารวยขึ้นกว่าแบบที่จ่ายปันผล ก็เท่ากับเราได้ประโยชน์มากกว่า … คนมีเหตุผลย่อมเลือกทางที่ได้ประโยชน์สูงกว่า
สมมติ การลงทุน A ผ่านไป 1 ปี เราได้กำไรจากราคา 10% และจากปันผล 5% … ส่วนการลงทุน B ในเวลาเท่ากัน ไม่จ่ายปันผลเลย แต่เราได้กำไรจากราคา 50% … คนที่มีเหตุผลตามปกติก็จะต้องเลือก B
Q: ถ้าอยากได้เงินสดออกมาจากการลงทุนบ้าง แต่กองทุนหรือหุ้นที่เราถือไม่จ่ายเงินปันผล แล้วจะทำยังไง?
A: ถ้าต้องการเงินสดจริง ๆ หุ้นก็ขายเอาเงินสดได้ กองทุนรวมก็ขายเอาเงินสดได้ทุกเมื่อ ตามที่ต้องการ เงินที่ได้ก็เป็นเงินบาทเหมือนกัน ไม่ต่างจากเงินปันผล
ธุรกิจที่เก่งจริง ๆ จะสร้าง ROE ได้สูงกว่าความสามารถของเราเองที่เป็นคนทำงาน/นักลงทุนรายย่อย ในการเอาปันผลไปต่อยอด … เท่ากับว่า ให้เขาเก็บเงินไว้ในบริษัท เอาไปทำประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นจะดีกว่า … คือ ถ้าใครคิดว่าทำได้ดีกว่าบริษัท ก็ไม่ควรซื้อหุ้นเขา แต่ควรทำธุรกิจของตัวเอง … แถมการลงทุนที่ได้รับเงินปันผล ก็จะโดน “หักภาษี ณ ที่จ่าย” 10% ทุกครั้ง เท่ากับโดนชักเงินออกไปเรื่อย ๆ และหากรวม ๆ กันในระยะยาวก็เป็นเงินไม่น้อย
ทั้งหมดนี้ … ไม่ได้บอกว่า หุ้นหรือกองทุนที่ไม่จ่ายปันผล จะดีกว่า ไม่ได้บอกว่า ต่อไปนี้อย่าไปสนใจหุ้นปันผล … แต่บอกว่า อย่ายึดติด ว่าหุ้นหรือกองทุนที่จ่ายปันผล จะดีกว่าเสมอไป แต่ให้ดูว่า แบบไหนจะทำให้เราได้ประโยชน์โดยรวมสูงกว่ากัน
ป.ล. ในรูปคือ การเปรียบเทียบ Total Return ของดัชนีหุ้นทั่วไป (SET) หุ้นใหญ่ (SET50) และหุ้นปันผล (SET30 High Dividend) จะเห็นว่า หุ้นที่เขาจัดว่าปันผลดี ต่อให้นำเงินปันผลกลับมาลงทุนซ้ำแล้ว ก็ยังแพ้หุ้นทั่วไปอยู่หลายสิบเปอร์เซนต์
Categories: Investment Articles