ต้นทุนจม (Sunk Cost) คือ ต้นทุนที่เราจ่ายไปแล้วในอดีต และไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคตเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็ไม่สามารถเรียกต้นทุนส่วนนั้นคืนมาได้
เรื่อง Sunk Cost นี้สำคัญมากในการลงทุน เพราะการลงทุนคือการ “มองไปข้างหน้า” ว่าควรเดินต่อไปหรือไม่ ควรลงทุนต่อไปหรือไม่ แต่คนจำนวนมาก มักติดสินใจเดินหน้า หรือลงทุนเพิ่ม เพียงเพราะว่า “เสียดาย” Sunk Cost ที่ได้ลงไปแล้ว … แทนที่จะมองไปข้างหน้า อย่างที่ควร
การไม่ใช้เหตุผลพิจารณาต้นทุนจม (Sunk Cost Fallacy) นี้ บางทีก็เรียกกันว่า “Concorde Effect” เพราะมีที่มาจากกรณีศึกษาจริงของการสร้างเครื่องบิน Concorde ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสที่สุดท้ายไปไม่รอดเพราะไม่คุ้มทุนทั้งผู้ผลิตและผู้ให้บริการ แถมรัฐบาลทั้ง 2 ชาติเจ็บหนัก ก็เพราะตัดสินใจเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ (ก่อนที่จะมายอมรับความจริงเอาตอนที่เจ๊ง) ด้วยเหตุที่ว่าได้ลงทุนไปเยอะแล้ว
(ภาพจาก 9to5hdwallpapers.com)
ส่วนในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป เราสามารถพบเรื่องราวมากมายที่หมิ่นเหม่จะหลอกให้เราติดอยู่ในต้นทุนจม เช่น
• ตั๋วหนังที่เราซื้อมาแล้ว เป็นต้นทุนจม เพราะไม่ว่าเราจะดูหรือไม่ได้ดู เราก็ขอเงินคืนไม่ได้
บางคนซื้อตั๋วมา แล้วก่อนหนังฉายเกิดมีธุระเร่งด่วนที่สำคัญกว่า แต่เสียดายค่าตั๋ว ทิ้งธุระ เข้าไปดูหนัง แบบนี้แทนที่จะยอมเสียค่าตั๋วอย่างเดียว กลับต้องเสียงานสำคัญ ซึ่งเกิดความเสียหายมากกว่าราคาตั๋วหนังซะอีก
• ค่าก่อสร้างโรงงานส่วนที่ได้จ่ายไปแล้ว เป็นต้นทุนจม เพราะไม่ว่าโรงงานจะสร้างต่อจนเสร็จได้หรือไม่ เราก็ขอคืนเงินส่วนที่จ่ายไปแล้วไม่ได้
บางคนเริ่มก่อสร้างไปแล้ว เกิดพบว่าอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก ทำต่อไปมีโอกาสเจ๊งสูง แต่นึกเสียดายค่าก่อสร้าง ใส่เงินลงไปเรื่อยๆ แบบนี้แทนที่จะเสียแค่ส่วนที่จ่ายไปแล้ว หยุดสร้าง กลับต้องเสียหายทั้งหมด
• เงินที่เราลงไปแล้วในเกมส์ไพ่โปกเกอร์ (มองเป็น Game of calculated-risk & reward) เป็นต้นทุนจม เพราะไม่ว่าโอกาสในการชนะหรือแพ้ในตานี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรเมื่อเปิดไพ่ออกมามากขึ้นๆ จนครบ 5 ใบ เราก็เรียกเงินส่วนที่ลงไปแล้วคืนมาไม่ได้
บางคนจั่วได้ไพ่ตั้งต้นดูดี จึงลงเงินไปเยอะ แต่พอเปิดไพ่มากขึ้นแล้วสถานการณ์แย่ลง โอกาสชนะลดฮวบ แต่กลับยังลงเงินตามผู้เล่นคนอื่นไปอีก เพราะเสียดายเงินที่ลงไปแล้ว แบบนี้แทนที่จะยอมเสียแค่ส่วนที่ลงไปตอนแรก คือหมอบ กลับต้องเสียเงินมากขึ้น บางคนถึงกับเทหมดหน้าตัก แล้วก็หมดตัว
• ต้นทุนหุ้นที่เราซื้อไปแล้ว เป็นต้นทุนจม เพราะไม่ว่าเราจะเคยซื้อมันที่กี่บาท ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอนาคตของตัวกิจการหรือความมั่งคั่งของเราแม้แต่น้อย
บางคน ซื้อหุ้นมาราคาสูง ต่อมาสภาพแวดล้อมทางการแข่งขันเปลี่ยนไปในทางร้าย ราคาหุ้นตกลงเรื่อยๆ แต่คนถือหุ้นกลับยังไม่ลืมภาพต้นทุนสูงๆ ที่เคยซื้อ จึงทนถือไว้ แบบนี้แทนที่จะขาดทุนน้อย ด้วยการรีบขายไป เพราะรู้ตัวแล้วว่ามาผิดทาง แต่กลับปล่อยให้ขาดทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหมดโอกาสกลับตัว
ประโยชน์หลัก ที่เราได้รับจากต้นทุนจม คือ ประสบการณ์ที่สอนให้เราไม่ทำผิดซ้ำสอง และ เหตุผลหลัก ที่เรายังยึดติดกับต้นทุนจม คือ “ความเสียดาย”
ที่ดีสุดนั้นก็คือ ต้องศึกษา วางแผน และคิดให้ดีก่อนลงมือทำ แต่ถ้าทำไปแล้วมันเกิดผิดแผน ก็ต้องรีบปรับตัว มองไปข้างหน้า ตัดใจ ปรับตัว อย่าให้ความเสียดายมาทำให้เสียหายจนเกินเยียวยา
Categories: Investment Articles