(ถ้าเครื่องใครโหลด Sub Thai ไม่ขึ้น กดเข้าไปดูได้ที่ TED ครับ)
(ภาพจาก wikipedia.org)
วิศวกร นักประดิษฐ์ นักลงทุน นักฟิสิกส์ วัยย่างเข้า 44 ปี นาม Elon Musk เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง (Co-Founder) บริษัทโอนเงินออนไลน์ระดับโลกอย่าง PayPal ก่อนจะขายให้กับ eBay ได้เงินมาหลายพันล้านบาท ร่วมก่อตั้ง Tesla Motor บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ ร่วมก่อตั้ง SolarCity บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 4 กิกะวัตต์ และเป็นผู้ก่อตั้ง SpaceX ระบบขนส่งวัสดุทางอวกาศที่นำตัวจรวดกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งมีลูกค้าใหญ่คือ NASA
ในปี 2013 Elon Musk รับเชิญมาให้สัมภาษณ์สดตัวต่อตัวกับ Chris Anderson เจ้าของ TED และนี่คือบทสัมภาษณ์บางส่วนจาก session นี้
(ภาพจาก TED.com)
คริส แอนเดอร์สัน: อีลอน ความฝันหลุดโลกแบบไหนครับ ที่โน้มน้าวให้คุณคิดจะพยายามสู้กับอุตสาหกรรมยานยนต์และสร้างรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
อีลอน: อืม มันย้อนไปเมื่อผมอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมคิดถึงว่า อะไรคือปัญหาที่น่าจะกระทบต่ออนาคตของโลก หรืออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด ผมคิดว่ามันสำคัญอย่างมาก ที่เรามีการคมนาคมที่ยั่งยืนและการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน เหล่าบรรดาปัญหาพลังงานที่ยั่งยืนทั้งหมดนั้น เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่เราต้องทำการแก้ไขในศตวรรษนี้ อย่างอิสระจากการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น สมมุติว่า การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าเรากำลังจะขาดไฮโดรคาร์บอน พวกเราต้องการหาแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน [คือเน้นดูที่ปัญหาหลักก่อน]
คริส: กระแสไฟฟ้าในอเมริกาส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล รถยนต์ไฟฟ้าที่ต่อสายไฟเข้ากับระบบไฟฟ้าจะช่วยได้อย่างไร
อีลอน: ถึงแม้ว่าคุณจะนำน้ำมันมาผลิตเป็นพลังงานที่โรงไฟฟ้า และใช้ไฟฟ้าเพื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มันก็ยังดีกว่า … ถ้าคุณใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันไฮโดรคาร์บอนที่พบได้มากที่สุด เอามาเผาในเครื่องปั่นไฟกังหันก๊าซธรรมชาติ [gas turbine] สมัยใหม่ของบริษัท GE คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณใช้เชื้อเพลิงเดียวกันนี้ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน [รถยนต์ของคุณเอง] คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพได้[แค่]ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
(ภาพจาก Tesla.com)
คริส: เอาล่ะครับ ลองกลับไปยังการเดิมพันอีกอันหนึ่งที่คุณได้ตั้งไว้กับตัวเอง ผมเดานะครับ ว่ามันค่อนข้างบ้าบิ่นทีเดียว คุณได้ทำเงินจากการขายเพย์พาว (PayPal) คุณตัดสินใจที่จะสร้างบริษัทอวกาศ ทำไมคุณต้องทำอะไรบ้าอย่างนั้นด้วยครับ (เสียงหัวเราะ)
อีลอน: ผมได้รับคำถามนั้นบ่อยครับ มันก็จริงครับ คุณจะถามว่า “คุณได้ยินเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งมั้ย คนที่ทำเงินได้นิดหน่อยจากบริษัทอวกาศไง” แน่ล่ะ “แต่ตอนเริ่มเขาใช้เงินไปเยอะเลย” นั่นเป็นวลีหลักเลยครับ และผมก็บอกคนอื่นว่า เอาล่ะ ผมพยายามที่จะคิดหาวิธีการที่เร็วที่สุดที่จะเปลี่ยนเงินจำนวนมากให้เหลือนิดเดียว และพวกเขาก็มองผมแบบว่า “เขาเอาจริงหรอเนี่ย”
คริส: และน่าประหลาด คุณก็เอาจริง และมันก็เกิดขึ้นใช่ไหม
อีลอน: หืดขึ้นคอเลยครับ มันเกือบจะไม่ได้ผล พวกเราเกือบที่จะล้มเหลว แต่พวกเราจัดการผ่านจุดนั้นในปี 2008 มาได้ เป้าหมายของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ก็คือ พยายามที่จะสร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจรวด โดยเฉพาะพยายามที่จะตีปัญหาให้แตก ซึ่งผมคิดว่ามันสำคัญสำหรับมนุษยชาติที่จะมีอารยธรรมแผ่ขยายไปในอวกาศ ซึ่งก็คือการมีจรวดที่นำทุกส่วนมาใช้ซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
(ภาพจาก spacex.com)
คริส: เจ๋งอะไรอย่างนี้ (เสียงปรบมือ) อีลอน คุณทำมันได้อย่างไรกันครับ โครงการเหล่านี้มันช่าง — เพย์พาว โซล่าซิตี้เทสล่า สเปซเอ็กซ์ — พวกมันช่างแตกต่างกันอย่างน่าทึ่ง พวกมันเป็นโครงการที่ช่างทะเยอทะยานในระดับยักษ์ เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียว สามารถสร้างนวัตกรรมได้แบบนี้ คุณคิดว่ายังไงครับ
อีลอน: ก็ไม่ทราบครับ จริง ๆ ผมไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับคุณหรอก ผมทำงานเยอะ ผมหมายถึง เยอะเลยครับ
คริส: เอาล่ะ ผมมีทฤษฎีครับ อีลอน: โอเค เอาเลยครับ
คริส: ทฤษฎีของผมก็คือว่า คุณมีความสามารถที่จะคิดออกแบบในระดับระบบ ที่จะดึงเอาการออกแบบ เทคโนโลยี และธุรกิจ เข้ามารวมกัน ดังนั้น ถ้า TED เป็น TBD ซึ่งย่อมาจาก การออกแบบ เทคโนโลยีและธุรกิจ ในองค์รวมเดียวกันผสมผสานมันในรูปแบบที่น้อยคนจะสามารถทำได้ และ — และนี่คือสิ่งสำคัญ — การรู้สึกโคตรมั่นใจ ในองค์รวมที่ลงตัว คุณกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง คุณเดิมพันชะตาของคุณไว้กับมัน เหมือนว่าคุณจะทำแบบนั้นหลายครั้งหลายทีด้วย ผมหมายถึงว่า แทบจะไม่มีใครเลย ที่สามารถทำแบบนั้นได้ เราขอเคล็ดลับบ้างได้ไหมครับ เราจะนำมันเข้ามาในระบบการศึกษาของเราได้อย่างไร ให้ใครสักคนมาเรียนรู้จากคุณได้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำมันช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ
อีลอน: ครับ ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ อืม ผมคิดว่า มันมีกรอบสำหรับแนวคิดที่ดี มันเป็นฟิสิกส์ ในแบบที่ว่าเป็นความรู้พื้นฐาน ของการให้เหตุผล โดยทั่วไปแล้วผมคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมหมายความว่า ขบปัญหาต่าง ๆ ลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง และใช้เหตุผลขึ้นมาจากตรงนั้น ซึ่งมันต่างจากการให้เหตุผลแบบเปรียบเปรย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ในชีวิตเรา เราใช้เหตุผลแบบเปรียบเปรยอ้างอิง ซึ่งโดยหลักแล้วหมายถึงการลอกเลียนแบบสิ่งที่คนอื่น ๆ ทำ โดยมีความแตกต่างไปเล็กน้อย ซึ่งคุณก็จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น มิฉะนั้น สมองคุณจะทำงานหนักจนเกินไป แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ ๆ คุณต้องนำวิธีการทางฟิสิกส์เข้ามาใช้ ฟิสิกส์นั้นเข้าใจจริง ๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งแย้งต่อสามัญสำนึก เช่น กลศาสตร์ควอนตัม (quantum mechanics) มันเป็นอะไรที่แย้งกับสามัญสำนึกจริง ๆ ฉะนั้น ผมคิดว่ามันคือสิ่งสำคัญที่ต้องทำ และนอกจากนั้น ยังต้องให้ความใส่ใจกับผลตอบรับด้านลบ และเรียกร้องหามัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเพื่อนฝูง นี่มันอาจเป็นคำแนะนำที่ฟังดูเรียบง่ายธรรมดา แต่แทบจะไม่มีใครปฎิบัติเช่นนั้นและมันก็มีประโยชน์มากจริง ๆ …
คลิปนี้เป็นหนึ่งในสุดยอด TED Talk ที่ผมชอบมากที่สุดอันหนึ่ง และมีการแปลไปแล้ว 28 ภาษา รวมถึงภาษาไทย โดย Kelwalin Dhanasarnsombut และ Kanawat Senanan … ใครอยากรู้ลึกเข้าไปถึงจิตใจและแนวคิดของคนที่เปลี่ยนโลก (มาแล้วหลายครั้ง) อย่าง Elon Musk เชิญชมคลิปสัมภาษณ์ตัวเต็มได้ที่ช่วงเริ่มต้นของบทความนี้ครับ
Categories: Thoughts & Quotes
I have read so many articles or reviews regarding the blogger lovers except this paragraph is actually a good paragraph,
keep it up.
site good website site good website