แนวโน้มระยะสั้นยังอยู่ในขาขึ้นได้ต่อไป // ส่วนแนวโน้มระยะกลาง จากที่สัปดาห์ที่แล้วมีแว็บ ๆ พลิกมาเป็นขาขึ้นระหว่างวัน (ก่อนที่จะปิดย่อลงไป) ตอนนี้กลับเป็นขาขึ้น ณ ราคาปิดสิ้นวันได้แล้ว แต่ก็ยังเป็นแบบอย่างไม่เป็นทางการ คือต้องรอลุ้นอีก 3 วันทำการที่เหลือ (วันที่ 1 ก.ค. ตลาดปิด) ว่าจะยืน/เด้งบวกจนกลายเป็นขาขึ้นจริง ๆ ได้หรือไม่  // เงินบาททรง ๆ ในแนวโน้มระยะกลางที่เป็นฝั่งอ่อนค่า // ดัชนีลบ แต่ก็ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับทั่วโลกที่ลงแรง ตามข่าวกรีซ // ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ลบหนัก // น้ำมันและทองคำ ลบตาม

(คลิกที่รูป เพื่อชมขนาดใหญ่ขึ้น)

สถานะของตลาดและของปัจจัย

1. แนวโน้มตลาดระยะกลาง-ยาว (กราฟซ้ายบน): แม้เราจะต้องรอดูแนวโน้มระยะนี้แบบชัวร์ ๆ ในตอนเย็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ แต่วันนี้แนวโน้มได้กลับมาเป็นขาขึ้นแบบชั่วคราวแล้ว (เพราะยังแค่วันจันทร์) หลังจากเป็นขาลงมาตลอด 9 สัปดาห์ก่อน
2. แนวโน้มตลาดระยะสั้น (กราฟซ้ายล่าง): กลับเป็นขาขึ้นติดต่อกัน 5 วัน
3. การซื้อขายสุทธิของนักลงทุน: ในตลาดหุ้น สถาบันซื้อเล็กน้อย แต่สถาบันชิว ๆ  … ในตลาดฟิวเจอร์ส สถาบันจับมือต่างชาติขาย
4. เงินบาท: ทรง ๆ  โดยแนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นฝั่งอ่อนค่า
5. ตลาดหุ้นต่างประเทศ: สหรัฐฯ และ ยุโรป ลบเยิน ตามข่าวกรีซ
6. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์: น้ำมันและทองคำ ลบตามตลาดหุ้น

สรุปมุมมอง เมื่อใช้ SET Index เป็นตัวแทนของหุ้นโดยรวม …

• หากมองตลาดในกรอบเวลาหลายสัปดาห์-หลายเดือน (Weekly time frame) พลิกกลับเป็นขาขึ้นแบบชั่วคราว รอดูอีก 3 วันทำการที่เหลือของสัปดาห์ ว่าจะยืนได้มั๊ย .. ใครมีหุ้น ถือต่อไป ใครมีเงินสด/Money Market Fund เล็งเปลี่ยนเป็นหุ้นได้ ถ้าดัชนีไม่ลงต่ออย่างรุนแรง
• หากมองตลาดในกรอบเวลาหลายวัน (Daily time frame) กลับเป็นขาขึ้น 5 ได้วันแล้ว ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ตลาดน่าเวียนหัว เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ใครตามไม่ทัน ขี้เกียจซื้อขายบ่อย จะถอยไปดูกรอบเวลา weekly ก็ไม่ผิดอะไร … อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ ใครมีหุ้น ถือต่อไป … ใครมีเงินสด/Money Market Fund ทยอยเปลี่ยนเป็นหุ้นได้

ชวนทำความเข้าใจ

• ข้อมูลที่ได้จากกราฟ ซึ่งใช้เครื่องมือ MACD เป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อราคาในช่วงนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตได้ … อาการของราคาหุ้นในตอนนี้จึงไม่สามารถใช้คาดการณ์ราคาหุ้นในอนาคต “ไกล ๆ” ได้อย่างมีเหตุผลเช่นกัน ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร แนวเทคนิกเคิลแบบไหน … ก็ตาม
• ข้อมูล ณ ที่นี้ใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป

หมายเหตุ

• กราฟจาก Aspen for Windows

#ว่ากันตามข้อมูล #ค่อยๆดูไป #รีบปรับตัว #อย่าฝืนความจริง