เนื้อหาฉบับ Uncut ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ “มือใหม่” ช่วง “ถามมือเก๋า” ตอนที่ 1 วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ณ Money Channel สัมภาษณ์โดยคุณทีน่า สุภัททกิต เจตทวีกิจ
Q1: อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พี่เก่งเข้ามาสนใจเรื่องการลงทุน
A1: เหมือนเป็นโชคชะตาก็ว่าได้ จากคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องการลงทุนเลย เมื่อสัก 10 ปีก่อนเห็นจะได้ วันหนึ่งเดินผ่านหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ของ Robert Kiyosaki เห็นปกหน้าสนใจ จึงซื้อมาอ่าน ถึงได้เข้าใจพื้นฐานของการสร้างความมั่งคั่งและการลงทุน แต่ก็อ่านเฉพาะเล่มแรกๆ ที่เน้นหลักการนะครับ ไม่ได้ตามอ่านเล่มหลังๆ ที่ลงรายละเอียดปลีกย่อย
ก็เลยเริ่มลงทุนในหุ้นมาตั้งแต่นั้น แต่ก็เป็นการเริ่มแบบงูๆ ปลาๆ ไม่มีหลักการ ซึ่งมารู้ตัวเอาทีหลังว่าตัวเองเสี่ยงมาก เสี่ยงที่ไม่ได้หาความรู้ให้ดีก่อนลงเงิน
Q2: ลงทุนแนวไหน ทำไมถึงเลือกแนวนั้น
A2: อาจจะไม่สามารถระบุได้ว่าคือแนวไหน แต่พยายามผสมผสานวิธีต่างๆ ที่ทำให้ความมั่งคั่งเติบโตได้สูงสุด เพราะไม่ว่าเราจะหามาด้วยวิธีไหน สุดท้าย เงิน 1 บาท ก็มีค่าเท่ากัน
จะว่าไป การลงทุนก็เหมือนการเล่นกีฬา เช่นเทนนิส เราจะต้องเสิร์ฟดี ตีท้ายคอร์ตดี ตบดี หยอดดี คือดีแบบครบทั้งองค์ประกอบ จึงจะเป็นนักเทนนิสที่ดีได้ … ถ้าบอกเราเสิร์ฟเก่งมาก ดังนั้นเราเล่นกีฬาเทนนิสเก่งมาก แบบนี้ก็คงไม่ใช่
- พัฒนาการของวิธีการลงทุนของผม จริงๆ แล้วเริ่มจากการดูพื้นฐานด้วยข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน แต่เมื่อนำมาใช้ได้ระยะหนึ่งก็พบว่า การดูพื้นฐานเพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ซื้อหรือขายได้ถูกเวลามากนัก
- ต่อมาจึงได้ศึกษาเรื่องการดูแนวโน้มราคาในราคากลางและยาวเพิ่มเติมด้วย โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิกหลักๆ ก็คือ MACD ที่เป็นการประยุกต์หลักคณิตศาสตร์เรื่องค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งในวงการธุรกิจก็ใช้กันเป็นเรื่องปกติในการประเมินแนวโน้มต่างๆ ก็เลยสามารถซื้อขายได้สอดคล้องกับแนวโน้มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้มากพอ ว่าในอนาคต ราคามีโอกาสเติบโตได้ต่อไป
- การลงทุนในยุคหลังๆ จึงพยายามดูแผนการขยายธุรกิจของบริษัทไปพร้อมกันด้วย คือต้องผสมผสานกันให้สามารถลงทุนได้ถูก กาละเทศะ คือถูกตัว และ ถูกเวลา จึงจะได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในเวลาที่ไม่นานเกินไป
Q3: ทำไมถึงมีการกระจายความเสี่ยงส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย
A:3 ในยุคแรกๆ เมื่อซัก 6-7 ปีมาแล้ว เป็นช่วงที่ผมเริ่มศึกษาหาความรู้ด้านลงทุนอย่างจริงจัง โดยเน้นในเชิงมูลค่าพื้นฐาน การคิด Discount Cash Flow อะไรทำนองนั้น ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในตอนนั้นเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย และโครงสร้างมูลค่าพื้นฐานของมันก็สอดคล้องกับเรื่องที่กำลังสนใจ ที่จริงผมไม่เรียกว่ากระจายความเสี่ยงมาในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เรียกว่าเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทนี้ด้วยซ้ำ เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงพอสมควร ในสมัยนั้นน่าจะได้ซัก 10% ต่อปี และราคามีความผันผวนต่ำ
Q4: สภาพแวดล้อมของตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าใครๆก็อยากเข้ามาลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นหวือหวาแบบนี้ ผิดกับแต่ก่อนที่จะสามารถหาหุ้นถูกๆและไม่มีคนสนใจมาครองได้ง่ายๆ ณ เวลานี้เองอะไรคือหลักคิดของนักลงทุนที่ดี ที่นักลงทุนปัจจุบันสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางได้
A4: ผมเชื่อว่าตลาดและตัวหุ้นเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยทั้งภายในและภายนอก บางทีปัจจัยภายในมันยังดี แต่ปัจจัยภายนอกมันเปลี่ยนแปลง มันแย่ลง ก็ส่งผลกระทบต่อราคาได้ จึงต้องไม่มั่นใจจนเกินไป ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และต้องปรับตัวให้ทัน
Q5: ฝากเคล็ดลับการลงทุนหรือหลักคิดการลงทุนที่สำคัญสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ให้ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จในระยะยาว
A:5 นักลงทุนจะยืนหยัดและเติบโตได้ในระยะยาว
- ต้องขวนขวายหาความรู้ที่แท้จริงอยู่เสมอ ต้องแยกได้ว่าข้อมูลไหนมีคุณภาพ ข้อมูลไหนไม่มีประโยชน์ รู้จักหาแหล่งข้อมูลที่ดี
- มีสติอยู่ตลอด ทุกการซื้อขาย ต้องตอบตัวเองได้ว่า ทำไปเพราะเหตุผลอะไร ถ้าตอบไม่ได้ ให้ระวังว่าน่าจะเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
- เปิดใจรับฟังมุมมองใหม่ๆ และปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง
- ทบทวนผลงานการลงทุนเป็นประจำ อย่างน้อยต้องทำเป็นรายไตรมาส และอย่ายึดตืดกับความสำเร็จหรือความผิดพลาดเก่า ๆ ที่จบไปแล้ว แต่ให้ใช้เป็นบทเรียน
- ต้องมีเป้าหมายชัดเจน โดยเฉพาะในระยะยาว เช่น ต้องมีเงินกี่ล้านบาทภายในอายุเท่าไร ซึ่งจะทำให้เรามีความพยายามอยู่เสมอ
- ทำสมาธิเป็นประจำ ซึ่งช่วยให้เรากระบวนการคิดเราเป็นระบบระเบียบมากขึ้น
Disclaimer:
- เนื้อหาที่นำเสนอ เป็นมุมมองเฉพาะตัวที่ใช้แล้วได้ผลดีกับตัวเอง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- เนื้อหาที่นำเสนอ เน้นในเชิงหลักการ และด้วยข้อจำกัดตามบริบทของการสัมภาษณ์ จึงไม่สามารถครอบคลุมทุกแง่มุมในรายละเอียดที่อาจเกี่ยวข้อง
[ อ่านต่อตอนที่ 2: เส้นทางการลงทุนในหุ้น ]
Categories: Investment Articles