เรารู้กันดีว่าการลงทุนในหุ้นในระยะยาวสัก 10-20 ขึ้นไป จะให้ผลตอบแทนสูงสุด ถึงขั้น double digit ต่อปี ไม่ว่าจะลองทำ back test ท่าไหน กับตลาดหุ้นในประเทศไหน ๆ ที่เปิดมานานพอ มันก็ยืนยันแบบนี้
ยกตัวอย่างเช่น SET Total Return Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมเอาผลตอบแทนทุกชนิดจากการลงทุนในหุ้นมาคำนวณไว้ด้วยกัน ทั้งราคาหุ้น เงินปันผล การได้สิทธิต่าง ๆ (หุ้นปันผล หรือ ใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในการซื้อหุ้น) เริ่มคำนวณดัชนีเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2545 ที่ระดับ 1,000 จุด ล่าสุดวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ดัชนีมาอยู่ที่ระดับ 9,323.33 จุด
เท่ากับว่า ในช่วงเวลา 15 ปี 1 เดือนเศษ การลงทุนในหุ้นไทยโดยรวม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 14.71% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นมา 8 .3 เท่าตัว
หรือถ้าจะมองที่ดัชนีใหญ่ของโลกอย่าง S&P 500 Total Return Index พบว่าดัชนีเพิ่มขึ้นจาก 257.47 จุด ในเดือนมกราคม 2531 มาอยู่ที่ 4,435.42 จุด ในเดือนกุมพาพันธ์ 2560
หรือคำนวณได้ว่า ตลอดเวลา 29 ปี กับอีก 1 เดือนเศษ การลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยรวม ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10.26%ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นมา 16.2 เท่าตัว
หากจะถามว่า ทำไมในระยะยาวการลงทุนในหุ้นถึงให้ผลตอบแทนสูงระดับนี้ได้? ก็ต้องอธิบายว่า หุ้นคือส่วนของเจ้าของในธุรกิจ การทำธุรกิจก็ต้องการกำไร เจ้าของหรือผู้บริหารของธุรกิจที่มี “จิตปกติ” ก็ย่อมมีเป้าหมายที่จะทำธุรกิจให้เติบโต แล้วพอธุรกิจเติบโต กำไรก็มากขึ้น กำไรมากขึ้นราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นตามไป ดังนั้น การลงทุนในหุ้นจริง ๆ แล้วก็คือการลงทุนใน “ความอยากที่จะได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” ของมนุษย์
เราจึงควร bet on (แทงตาม) ความอยากนี้ ไม่ใช่ไป bet against (แทงสวน) เพราะในระยะยาวแล้ว ไม่มีอะไรที่จะชนะความอยากเจริญของมนุษย์ไปได้
คำถามถือ .. พอรู้แบบนี้แล้ว ทำไมเราถึงไม่เน้นลงทุนในหุ้น (หรือจะเป็นกองทุนหุ้นก็ได้ จะได้ไม่ต้องดูเอง/บริหารเอง) โดยเฉพาะถ้าเรายังมีเวลาลงทุนเหลืออีกยาว เช่น เกิน 20 ปี .. ซึ่งคำตอบของคนจำนวนมากคือ “กลัวความเสี่ยง”ซึ่งก็จริง ที่ใน “ระยะสั้น” ความเสี่ยงจากราคายังมีอยู่ บางปีก็ขาดทุนหลายสิบเปอร์เซนต์ แต่ในระยะยาวแล้ว ธรรมชาติของมันจะพาเราไปสู่ระดับผลตอบแทนที่สูงได้เอง หรืออาจจะพูดสั้น ๆ ว่า
คนส่วนใหญ่ “กลัวจนระยะสั้น เลยอดรวยระยะยาว”
ส่วนใครจะบอกว่า “ไม่ได้หรอก ฉันรับความเสี่ยงไม่ได้ แม้ระยะยาวจะรู้ว่ามันเวิร์คกว่า” หรือไม่ก็ “ไม่ได้หรอก มันผิดหลักการ” หรือไม่ก็ “คนพวกนี้เกิดไม่ทันวิกฤติต้มยำกุ้งสินะ” .. ก็โอเคตามนั้น
เพราะหลักคิดของเรา ก็จะกำหนดชาตะกรรมทางการเงินของเราเอง ไม่ใช่ของคนอื่นที่ไหน
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่จะบุ่มบ่าม โดดเข้าลงทุนทันที เราควรมีความรู้และข้อมูลที่เพียงพอเสียก่อน เพราะถึงจะรู้เบื้องต้นแล้วว่าการลงทุนระยะยาวในหุ้นให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่เราก็ต้องรู้ให้ชัดเป็นขั้นต่อไปด้วย ว่าแล้วเราจะซื้อหุ้นไหนหรือกองทุนหุ้นไหนดี 🙂
Categories: Investment Articles