[Special content]
ณ สิ้นปี 2558 ประเทศไทยมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมด 1,244,907 บัญชี เป็นบัญชีที่มีการซื้อขายจริง (active account) 23% หรือประมาณ 286,000 บัญชี (ที่ใช้คำว่าบัญชี ไม่ใช้คำว่า “ราย” ก็เพราะหนึ่งคนสามารถเปิดบัญชีกับหลายโบรกเกอร์ได้)
ในจำนวนหนึ่งล้านกว่าบัญชีนั้น เป็นบัญชีซื้อขายทางอินเตอร์เนทถึง 955,850 บัญชี หรือ 77% หรือมากว่า 3 ใน 4 และเป็นบัญชีที่ Active ถึง 224,726 บัญชี เท่ากับว่า บัญชีที่ active เป็นบัญชีอินเตอร์เนทถึง 78% (224,726 หาร 286,000) หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าวัดกันที่ “จำนวนนักลงทุน” ก็ชัดเจนว่าการซื้อขายทางอินเตอร์เนทเป็นช่องทางยอดนิยม แต่กระนั้น ถ้าวัดกันที่ “มูลค่าการซื้อขาย” ทางช่องทางอินเตอร์เนทก็ยังกินสัดส่วนเพียง 37.90% นั่นหมายความว่า การซื้อขายทางอินเตอร์เนทเป็นเรื่องของนักลงทุนรายย่อยเสียส่วนมาก ส่วนช่องทางอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องของขาใหญ่เขาไป
ที่มา: รายงานประจำปี 2558 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (เป็นข้อมูลล่าสุด ณ 25 ก.พ. 60 ซึ่งยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลปี 2559 )
การซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะทางช่องทางไหน ค่าใช้จ่ายหลักที่นักลงทุนทุกประเภทจะต้องแบกรับไว้ ก็คือ “ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ค่าคอม”
ค่าคอมเป็นค่าใช้จ่ายของนักลงทุน และเป็นรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “โบรกเกอร์” ในทุก ๆ การซื้อนักลงทุนจะมีค่าใช้จ่ายค่าคอมเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากราคาหลักทรัพย์ และทุก ๆ การขาย นักลงทุนก็จะถูกหักค่าคอมออกไปจากค่าขายหลักทรัพย์ เท่ากับว่า นักลงทุนที่มีการซื้อขายมาก ก็จะถูกหักค่าคอมไป ๆ มา ๆ เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน โดยค่าคอมนี้ส่วนใหญ่จะคิดเป็นอัตรา (%) ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่ซือขาย
ดังนั้น ยิ่งอัตราค่าคอมต่ำลงเท่าไร
นักลงทุนก็ได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
และไม่จำเป็นว่านักลงทุนที่ซื้อขายบ่อยเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์ ถ้าได้อัตราค่าคอมต่ำ จะซื้อขายนานทีปีหนสไตล์ VI ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน และได้ประโยชน์ทันทีที่เคาะทำรายการ
ในวงการโบรกเกอร์เมืองไทย มีโบรกเกอร์รายหนึ่งที่เสนออัตราค่าคอมในระดับต่ำมาก นั่นก็คือ บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด (SBI Thai Online Securities Company Limited) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า SBITO (สบายโตะ)
SBITO คือ low-cost broker สัญชาติญี่ปุ่นที่เข้ามานำเสนอบริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในเมืองไทยเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมานี้เอง โดยได้รับอนุญาตถูกต้องจากสำนักงาน ก.ล.ต.
ที่มา: sec.or.th
ดังที่เกริ่นไปแล้ว ► SBITO มีหมัดเด็ดอยู่ที่อัตราค่าคอม ซึ่งเท่าที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการกับหลายโบรกเกอร์ ถือว่า SBITO นำเสนออัตราค่าคอมในระดับ Amazing !! โดยการซื้อขายผ่านอินเตอร์เนทสำหรับบัญชี Cash Account (ซื้อก่อนตัดเงินทีหลัง) สำหรับมูลค่าซื้อขาย 5 ล้านบาทแรกของแต่ละวัน (นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่คงตกอยู่ช่องนี้ล่ะ) ในอัตรา 0.10% หรือ ล้านละพัน เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น
หากซื้อขายทางอินเตอร์เนทผ่านบัญชี Cash Balance (เอาเงินไปวางที่โบรกเกอร์ก่อนซื้อ) ก็จะได้ค่าคอมถูกลงไปอีกที่อัตรา 0.075% หรือหมื่นละ 7.50 บาท !!
ที่มา: sbito.co.th
สมมติว่าปัจจุบันเราได้อัตราค่าคอมทางอินเตอร์เนทอยู่ที่ 0.20% เมื่อเทียบกับอัตราค่าคอมของ SBITO ที่ 0.10% ทุก ๆ ยอดซื้อขาย 1 ล้านบาท เราจะมีเงินเหลือติดกระเป๋ามากขึ้น 1,069 บาท ซึ่งคำนวณมาจาก
กรณีค่าคอม 0.20% ► [ซื้อหุ้น 1,000,000 บาท] x [(ค่าคอม 0.20% + ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.0068% + ค่าชำระราคา 0.001%) x VAT 7%] ► จะต้องชำระเงิน 1,002,223.46 บาท
กรณีค่าคอม 0.10% ► [ซื้อหุ้น 1,000,000 บาท] x [(ค่าคอม 0.10% + ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 0.0068% + ค่าชำระราคา 0.001%) x VAT 7%] ► จะต้องชำระเงิน 1,001,154.46 บาท
และต้องย้ำว่า นี่คือเงินที่นักลงทุนประหยัดได้จากการซื้อขายแค่ 1 ล้านแรกเท่านั้น ลองจินตนาการดูว่า
ถ้ามีการซื้อขายต่อไปเรื่อย ๆ ในระยะยาว ค่าคอมที่ประหยัดไปได้ก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ที่สำคัญคือ นักลงทุนไม่ได้รับประโยชน์แค่จากการซื้อขายแต่ละครั้งเท่านั้น นักลงทุนที่บันทึกบัญชีมูลค่าเงินลงทุนแบบ mark-to-market ด้วยราคา net จากค่าคอม คือบันทึกแบบละเอียดไปเลยว่าถ้าขายแล้วจะได้เงินสุทธิจริง ๆ กี่บาท เมื่อเปลี่ยนอัตราค่าคอมจากอัตราอื่น ๆ ที่สูงกว่า ลงมาเป็น 0.10% พอร์ตการลงทุนก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทันที โดยราคาหลักทรัพย์ไม่ต้องขยับอะไรเลย ก็เพราะในอนาคตเราจะขายหลักทรัพย์ได้เงินมากขึ้นจากอัตราค่าคอมที่ลดลงนั่นเอง
จุดเด่นอีกประการของ SBITO ที่นอกเหนือไปจากค่าคอม ก็คือ ► กระบวนการเปิดบัญชีก็ทำได้ง่ายทางออนไลน์ ซึ่งสามารถคลิกที่รูปเพื่อเปิดบัญชีได้ทันที
ส่วนการส่งเอกสารประกอบการเปิดบัญชี (จำเป็นนะครับ ออกแรงส่วนนี้นิดนึง) สามารถยื่นได้ที่ 7-Eleven ทุกสาขา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ รวมถึงสามารถยืนยันตัวตนเพื่่อให้ทางการมั่นใจว่าผู้เดินเรื่องเป็นเจ้าของบัญชีจริง ๆ ได้ที่ 7-Eleven ทุกสาขา เช่นกัน
สรุปว่า เปิดคอมพิวเตอร์ที่บ้านเพื่อกรอกข้อมูล
แล้วเดินไปส่งเอกสารที่เซเว่นปากซอย .. ก็เปิดบัญชีได้แล้ว
หรือถ้าไม่สะดวกไปเซเว่นอีก ก็สามารถดาวน์โหลด App ชื่อ SBITO my Info เพื่อยืนยันตัวตนได้ด้วยเช่นกัน (แต่ยังต้องยื่นเอกสารที่เซเว่นอยู่นะครับ)
ทั้งนี้ หากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปิดบัญชี สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ [ที่นี่]
ทางด้าน ► Trading Platform หรือช่องทางการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ ก็สามารถใช้ App SETTRADE Streaming ได้ทันที ทั้ง iOS Android และ PC
ยังไม่หมดแค่นั้น ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 เมษายน 2560 SBITO จัดโปรโมชั่น “เทรดฟรี ในเดือนเกิด” โดยนักลงทุนที่มีวันเกิดในแต่ละเดือน สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน SBITO ด้วยอัตราค่าธรรมเนียม 0% โดยเมื่อถึงเดือนเกิดของลูกค้าแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่า สามารถใช้สิทธิ์การเทรดฟรีโดยอัตโนมัติ (ทั้งนี้ ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมตลาดฯ ในอัตรา 0.007% + VAT อยู่นะครับ แต่ก็เป็นเงินไม่มาก)
เขียนอธิบายมาเสียยาว เดี๋ยวจะลืม จึงขอสรุปจุดเด่นของ SBITO ให้เห็นชัด ๆ อีกครั้งดังนี้
- อัตราค่าคอมต่ำได้ใจ 0.075% สำหรับบัญชี Cash Balance และยิ่งเทรดมาก อัตราค่าคอมในแต่ละวันจะยิ่งต่ำลงไปเรื่อย ๆ
- เปิดบัญชีง่ายทางออนไลน์
- ซื้อขายผ่าน SETTRADE Streaming ได้ทั้ง iOS Android และ PC
- มีโปรโมชั่นเทรดฟรีตลอดเดือนเกิด (วันนี้ – เม.ย. 60)
ใครที่เห็นว่าได้ประโยชน์ ต้องการเปิดบัญชี ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีง่าย ๆ ด้วยการคลิกที่รูปด้านล่างนี้
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า การลงทุนให้ได้ผลดี ไม่จำเป็นต้องซื้อขายถี่เกินไป และควรมีสติและเหตุผลก่อนซื้อขายทุกครั้ง แต่เมื่อไรที่ตัดสินใจดีแล้วว่าควรซื้อขาย การได้ค่าคอมในอัตราที่น่าพอใจ นักลงทุนย่อมได้ประโยชน์แน่นอน
Categories: Investment Articles