Digital Asset

ถือกำเนิด Bitcoin Cash .. เงินดิจิตอลสกุลใหม่ที่แยกวงจาก Bitcoin

ทำเอาตลาดเงินดิจิตอลปั่นป่วนมาตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อกระแสข่าวที่ว่า Bitcoin (BTC) เงินดิจิตอลสกุลแรกและสกุลใหญ่ที่สุดของโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถึงขนาดมีการแยกตัวออกเป็นเงินสกุลใหม่

มูลค่าตลาดของเงินดิจิตอลทุกสกุลรวมกัน (หน่วยคือพันล้านเหรียญ)

เมื่อถึงเวลา 19.20 น. ของวันที่ 1 ส.ค. 60 ตามเวลาประเทศไทย เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวถึงและมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดขึ้นจริง นั่นคือ

การถือกำเนิดของเงินดิจิตอลสกุลใหม่ที่ชื่อ “Bitcoin Cash” หรือ BCH ที่แยกตัวออกจาก BTC ดั้งเดิม

คลิปอธิบายกระบวนการแยกตัวของเงินดิจิตอล (Hard Fork)

โดยกลุ่มผู้สร้าง BCH ซึ่งได้แก่ Exchange รายใหญ่ของโลก 2-3 ค่าย ให้เหตุผลในการแยกตัวว่า

ต้องการให้ธุรกรรมโอนเงินดิจิตอลในตระกูล Bitcoin มีค่าโอนต่ำและใช้เวลาโอนเร็ว สมดังเจตนารมณ์ดั้งเดิมของการสร้างเงินดิจิตอลขึ้นมา ในขณะที่ BTC เคยเจอปัญหาค่าโอนพุ่งขึ้น 5-6 เท่าตัว และใช้เวลาโอนเงินมากขึ้นเป็น 5-6 เท่าตัว ในบางช่วงที่มีปริมาณธุรกรรมหนาแน่น 

ซึ่งกลไกหลักที่ทำให้ BCH ถูกบรรยายว่าดีกว่า BTC ดั้งเดิม ก็ด้วยการเพิ่มขนาดสูงสุดของ “Block(chain)” ในการประมวลผลธุรกรรมแต่ละครั้ง จาก 1 megabytes เป็น 8 megabytes จึงทำให้ประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นในเวลาเท่าเดิม

กราฟแสดงค่าธรรมเนียมการโอนโดยรวมทั้งระบบในแต่ละวันของ BTC ในช่วง 1 ปีย้อนหลัง
(หน่วยคือ USD)

กราฟแสดงปริมาณธุรกรรมที่รอการประมวลผลในแต่ละวันของ BTC ในช่วง 1 ปีย้อนหลัง
(หน่วยคือ Byte)

ซึ่งผลของการแยกตัวหรือที่เรียกว่า “Hard Fork” จะทำให้ผู้ที่มี BTC อยู่ จะได้ BCH เพิ่มเข้ามาในจำนวนเท่ากันโดยอัตโนมัติ

และในตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอล ก็เริ่มมีการซื้อขาย BCH กันแล้ว โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ $665.95/BCH

ในขณะที่ราคา BTC ดั้งเดิมเอง ก็มีการปรับตัวอย่างรวดเร็วจากจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2560 ที่ระดัับไม่ถึง $2,000/BTC  ขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า $2,700/BTC ในเวลาแค่ครึ่งเดือน

เท่ากับว่า ใครที่มี BTC อยู่แต่เดิม จะมี Wealth เพิ่มขึ้นมาทันทีเกือบ 25% (ได้ $666 เพิ่มขึ้นมาจาก $2,700)

และจากการที่ BCH มีราคาซื้อขายที่ระดับดังกล่าว ทั้งที่ถือกำหนดมาแค่ไม่กี่วัน ทำให้ BCH พุ่งขึ้นมาเป็นเงินดิจิตอลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกในทันที  เป็นรองแค่ BTC และ Etheruem (ETH)  (ราคา BCH ในรูปข้างล่างขยับลงจากรูปข้างบนเล็กน้อย ในขณะที่เรียบเรียงเนื้อหาในบทความนี้)

ส่วนนักขุดเหรียญ (Miners) ก็สบายใจได้ เพราะ BCH ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเดียวกับ BTC คือใช้อัลกอรีธึม SHA-256 จึงสามารถใช้เครื่องขุด BTC ที่มีอยู่เดิมในการขุด BCH ได้ (ส่วนจะขุดคุ้มเงินหรือไม่ ต้องว่ากันเป็นอีกประเด็น)

ซึ่งใครที่มีเอี่ยวกับเงินดิจิตอลกระกูลนี้ ก็ต้องตามลุ้นกันต่อไปว่า

  1. การแตกสาย หรือที่เรียกว่า “Hard Fork” นี้ จะเป็นประโยชน์หรือโทษต่ออนาคตของวงการเงินดิจิตอลโดยรวม จะทำให้ราคาโดยรวมผันผวนมากขึ้น(ได้อีก)หรือเปล่า และ
  2.  BCH จะได้รับการยอมรับจริงจังจนอยู่รอดได้ในระยะยาว หรือจะล้มพับไปจนเหลือแต่ BTC แบบเดิมอย่างเดียว .. ซึ่งเท่าที่ดูความนิยมจนถึงตอนนี้ (เข้าสู่วันที่ 2) ก็ถือว่า “ยังอยู่ดี”

-SJ@TIF, IBM’s Blockchain Essentials for Developers Certificate Holder –
10.25pm, 2 August 2017

——————–

Categories: Digital Asset

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *