Investment Articles

พลัง DCA จะแจ่มแค่ไหน ลองใช้ SETTRADE Backtest ทดสอบดู

ช่วงนี้มีการพูดถึงกระบวนการ Dollar Cost Average หรือ DCA กันค่อนข้างมาก ซึ่งเจ้า DCA ก็คือการลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่า ๆ กันในแต่ละงวด ติดต่อกันในระยะยาว ซึ่งประโยชน์หลัก ๆ ของ DCA ก็คือ 1) สร้างวินัยในการออมและลงทุนอย่างต่อเนื่อง และ 2) สร้างผลตอบแทนให้งอกเงยจากเงินลงทุนนั้น

การลงทุนเป็นเรื่องของอนาคต ดังนั้นการจะตอบว่า DCA ได้ผลดีมากน้อยแค่ไหน อาจจะต้องให้เวลากับมันสักหน่อย รอดูกันไปอีกสัก 2-3 ปี

แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็นว่า

“สมมติเริ่มทำ DCA มาตั้งแต่หลายปีก่อน มาถึงตอนนี้จะได้ผลยังไงแล้วบ้าง?”

แบบนี้มีคำตอบให้ได้เลยทันที ก็เพราะว่าในเว็บ SETTRADE.com และ App SETTRADE (Android & iOS) เขามีเครื่องมือที่ชื่อ Backtest ให้ทดสอบการทำ DCA ย้อนหลังได้ถึง 5 ปี (อนาคตอยากให้ขยายเป็น 10 ปี) ก็เลยถือโอกาสลองทดสอบดูกับหลักทรัพย์หลายตัว ทั้งที่เป็น Exchange Traded Fund หรือ ETF ที่เป็นกองทุนเทรดได้ใน Streaming เหมือนหุ้น และที่เป็นหุ้นรายตัว โดยทุก ๆ ตัวอย่างจะเป็นการลงทุนรายเดือน ติดต่อกัน 5 ปี และเป็นการซื้อให้ลงหน่วย Board lot (ทวีคูณของ 100 หุ้น) ได้พอดีเท่านั้น ส่วนที่ได้ไม่ครบ 100 หุ้น จะตัดออกและไม่ยกยอดไปงวดถัดไป

  1. TDEX (ETF ที่ไปลงทุนในหุ้น SET50 ทั้งกลุ่ม): ตลอด 5 ปี ให้ผลตอบแทนรวม (Total Return) 11.62% หรือเฉลี่ย 2.22% ต่อปี ประมาณผลตอบแทนตราสารหนี้

2. ENGY (EFT ที่ไปลงทุนในหุ้นพลังงานเกือบทั้งหมวด): ตลอด 5 ปี ให้ผลตอบแทนรวม (Total Return) 15.28% หรือเฉลี่ย 2.88% ต่อปี

(Advertising)

3. EBANK (EFT ที่ไปลงทุนในหุ้นธนาคาร): ตลอด 5 ปี ให้ผลตอบแทนรวม 4.09% หรือเท่ากับ 0.80% ต่อปี สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์นิดนึง

4. EFOOD (ETF ที่ไปลงทุนในหุ้นอาหาร): ตลอด 5 ปี ได้ผลตอบแทน 22.92% หรือ 4.21% ต่อปี

5. EICT (EFT ที่ไปลงทุนในหุ้นสื่อสาร): ตลอด 5 ปีกลายเป็นขาดทุน 9.48% หรือ -1.97% ต่อปี ฝากออมทรัพย์ยังได้ผลตอบแทนสูงกว่า

6. GLD (EFT ที่ไปลงทุนในทองคำ): ตลอด 5 ปี ขาดทุน 2.65% หรือ -0.54% ต่อปี

7. SCB ในฐานะหุ้นธนาคารที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด (ณ 15 ส.ค.60) ในช่วง 5 ปีมีผลขาดทุน  -9.26% หรือ -1.92% ต่อปี

8. CPALL ในฐานะหุ้นพาณิชย์ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด (ณ 15 ส.ค.60) ในช่วง 5 ปีได้ผลตอบแทนรวม (Total Return) 42.56% หรือเฉลี่ย 7.35% ต่อปี

9. SCC ในฐานะหุ้นวัสดุก่อสร้างที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด (ณ 15 ส.ค.60) ในช่วง 5 ปีได้ผลตอบแทนรวม 14.38% หรือเฉลี่ย 2.72% ต่อปี

10. ADVANC ในฐานะหุ้นสื่อสารที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด (ณ 15 ส.ค.60) ในช่วง 5 ปี  ขาดทุนเยอะจากราคาหุ้นที่ร่วง แต่มาได้จากเงินปันผลซะเยอะ  รวมเป็นผลตอบแทน 2.31% ตลอด 5 ปี หรือเฉลี่ย 0.46% ต่อปี ใกล้เคียงเงินฝากออมทรัพย์

จากทั้ง 10 ตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปฏิบัติการ DCA ให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก นั่นก็เพราะว่าตลาดหลักทรัพย์โดยรวมขยับอยู่ในกรอบ 1,200 – 1,600 จุดเท่านั้น และไม่ใช่เป็นการขึ้นขาเดียวสวย ๆ แต่เป็นการขึ้นลงสลับกันไป (ยกเว้น CPALL ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี เพราะช่วงแรกนิ่งแล้วมาวิ่งดีช่วงปี 2016)

(กราฟจากบริการเอสเพนโดย ThaiQuest)

แม้หลักของ DCA จะช่วยให้เรามีโอกาสซื้อหลักทรัพย์ได้จำนวนมากขึ้น เมื่อราคาตลาดของมันลดลง ซึ่งมองเร็ว ๆ อาจจะเหมือนว่าการที่หุ้นตกนั้นดีสำหรับการทำ DCA เพราะได้จำนวนหุ้นเยอะขึ้น

แต่ต้องไม่ลืมว่า มันดีกับส่วนที่กำลังจะซื้อเท่านั้น แต่แย่กับทั้งก้อนใหญ่ทั้งหมดที่ซื้อมาแล้ว

ตัวอย่างที่ชัดเจนตามรูปด้านบน ในยุคนี้ที่ตลาดมีการขึ้นสุดลงสุด “ในกรอบ” แบบช่วง 5 ปีมานี้ กลไก DCA จะไม่สามารถระเบิดพลังด้านบวกออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะเวลาตลาดลงแรง (เกิดขึ้น 2 รอบใหญ่ ๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาป) จะทำให้ก้อน DCA ที่มีมาอยู่แล้วก่อนหน้านั้น ขาดทุนอย่างมากตามไปด้วย จะมาตีตื้นได้มากหน่อยก็ช่วงปี 2016

เท่ากับว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา DCA ให้ประโยชน์ให้ด้าน “การเติมเงินลงทุนก้อนใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง” เท่านั้น ส่วนด้าน “ผลตอบแทนจากการลงทุุน” ยังไม่ได้เป็นเนื้อเป็นหนังเท่าไร ซึ่งหากตัวไหนให้ผลตอบแทนติดลบหรือได้ผลตอบแทนต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากแล้วด้วย ก็ยิ่งน่าเสียดาย

ส่วนในอนาคตก็ต้องรอดูกันต่อไป ว่าตลาดจะกลับมาวิ่งบวกยาว ๆ จนถึงขนาดทะลุ High เดิมได้เมื่อไร ซึ่งตอนนั้นก็น่าจะเป็นเวลาที่ DCA สามารถแสดงพลังทั้ง 2 ด้าน (สร้างวินัยการออม + ได้ผลตอบแทนการลงทุน) ได้อย่างเต็มที่ซะที

Categories: Investment Articles