เป็นที่รู้กันว่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทต่าง หรือที่เรียกว่า “Asset Class” จะมีช่วงเวลาที่ให้ผลตอบแทนดีและแย่สลับกันไป ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่มี Asset Class ใดที่จะให้ผลตอบแทนโดดเด่นได้ตลอดเวลา
สำหรับนักลงทุนสถาบัน จะมีทีมนักวิเคราะห์คอยรวบรวมข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อใช้ในการตัดสินใจ ว่าในช่วงขณะให้ควรเน้นลงทุนใน Asset Class ใด เพื่อให้ผลตอบแทนการลงทุนโดยรวม มีความโดดเด่นอยู่เสมอ แต่เมื่อเป็นนักลงทุนบุคคลรายย่อย นอกจากจะไม่มีผู้ช่วยรวบรวมข้อมูลมาให้ตัดสินใจแล้ว ยังมักจะไม่มีเวลาในการติดตามดูแลการลงทุนของตัวเองด้วย
การลงทุนในกองทุนรวม แม้จะเป็นการให้มืออาชีพช่วยดูแลทรัพย์สินให้เรา แต่กองทุนรวมทั่วไปก็จะจำกัดการลงทุนอยู่ใน Asset Class เดียวประจำประเภทของกองทุนนั้นเท่านั้น เช่น กองทุนหุ้น ก็จะต้องเน้นลงทุนในหุ้น กองทุนตราสารหนี้ก็จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ อาจจะสามารถถือครอง Asset Class อื่น ๆ ในกองทุนได้บ้าง แต่สินทรัพย์หลักในกองทุนก็ยังต้องเน้น Asset Class ใด Asset Class หนึ่งเป็นสำคัญ ทำให้มักเกิดปัญหาว่า นักลงทุนรายย่อยจะไม่สามารถปรับตัวได้ตามสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จึงพลาดโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่เสมอ
หากมองประเภทของกองทุนในภาพรวมแล้ว จะพบว่าการลงทุนใน “กองทุนรวมผสม” สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เพราะมีความยืดหยุ่นในการลงทุนใน Asset Class ต่าง ๆ ได้ในสัดส่วนตั้งแต่ 0% ถึง 100% หมายความว่า ในยามที่เศรษฐกิจเกื้อหนุนกับ Asset Class ใดแล้ว ก็สามารถ “จัดเต็ม” ได้ ในทางกลับกันหากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยกับ Asset Class ใด ก็สามารถ “ถอยสุดซอย” ได้เช่นกัน
กองทุนเปิด แอสเซทพลัส เฟล็กซิเบิ้ล พลัส หรือ ASP-FLEXPLUS ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด (Asset Fund) เป็นกองทุนแบบผสมที่ตอบโจทย์ข้างต้นได้อย่างดี เพราะมีนโยบายการลงทุนเชิงรุกและกรอบการลงทุนยืดหยุ่น สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้เหมาะสมในแต่ละสภาวะตลาด โดยสัดส่วนการลงทุนเบื้องต้นที่คาดการณ์ไว้คือ
- สามารถลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ได้ในสัดส่วน 0% – 100% ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
- สามามารถลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเซียนได้ในสัดส่วน 0% – 50% ตามแต่แนวโน้มเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่อาจโดดเด่นไม่พร้อมกัน
- สามารถลงทุนในกองทุนประเภทอสังหาริมทรัพย์ (REIT และ Property Fund) รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure funds) ในสัดส่วน 0% – 30% ตามแต่ภาวะอัตราดอกเบี้ยและตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยจะเน้นการลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้เป็นหลัก และมีหุ้นภูมิภาครวมถึงสินทรัพย์ทางเลือก อย่างกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือ REITs เป็นตัวเสริมในช่วงที่เหมาะสม
* สัดส่วนการลงทุนดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยขึ้นอยู่กับสภาวะการลงทุน ณ ขณะนั้นหรือตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน (ที่มา: Asset Plus Fund Management)
สำหรับช่วงที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ดังนั้นจึงเน้นน้หนักการลงทุนในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการกระจายการลงทุนไปในหุ้นไทยและหุ้นในภุมิภาคอาเซียนด้วย โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2561 กองทุนASP-FLEXPLUS มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน 93.17% มีสัดส่วนในเงินฝาก/ตั๋วแลกเงิน 24.76% และมีรายการหนี้สินค่าซื้อเงินลงทุน -17.93%
ซึ่งจะเห็นว่า เป็นช่วงที่กองทุนเน้นลงทุนในหุ้นเกือบทั้งหมด โดย 5 อันดับแรก ยังเน้นลงทุนในหุ้นไทยเป็นสัดส่วนรวมกัน 18.56% และมีส่วนที่ลงในหุ้นประเทศเวียดนามด้วย คือ VINAMILK ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณท์นมในเวียดนาม
(ที่มา: www.assetfund.co.th ข้อมูล ณ 31 ม.ค. 2561)
และด้วยจุดเด่นที่กรอบการลงทุนยืดหยุ่น สามารถเลือกลงทุนได้อย่างอิสระและปรับสัดส่วนการลงทุนได้ทันสถานการณ์อย่างที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ผสานกับกลยุทธ์การจับจังหวะลงทุนและคัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดี สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ นับว่ามีส่วนสำคัญมากที่ผลักดันให้กองทุน ASP-FLEXPLUS สามารถสร้างโอกาส รับผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนในเดือนสิงหาคม 2560 จนถึงปลายเดือนมกราคม 2561 (ประมาณ 6 เดือน) กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 17.91% ขณะที่ผลตอบแทนของดัชนี้ชีวัดให้ผลตอบแทนเพียง 7.62%
ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผการดำเนินงานในอนาคต
ที่มา www.assetfund.co.th (ข้อมูล ณ 31 มกราคม 2561)
ซึ่งผลตอบแทนที่ืทำได้ดังกล่าว มาจากกระบวนการลงทุนที่เป็นระบบของทีมผู้จัดการกองทุน ซึ่งมีหัวใจสำคัญ 4 ขั้นตอนหลัก คือ
- สร้างสรรค์แนวคิดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการวิเคราะห์พื้นฐานของบริษัททั้งปัจจัยภายในและภายนอก เน้นแสวงหาธุรกิจที่มีนวัตกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตในะระยะยาว และใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณสนับสนุนการตัดสินใจ
- จัดสรรพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับภาวะตลาด มีการกระจายเงินลงทุนในหลายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยง และให้น้ำหนักกับหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการซื้อขาย
- เข้าซื้อขายอย่างมีเหตุผล โดยเน้นพิจารณามูลค่าพื้นฐาน และติดตามการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่อาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
- ติดตามผลการดำเนินงานและบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Asset Plus Fund Management
ในด้านค่าธรรมเนียมหลักที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วของกองทุนนี้จะคิดค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end fee) ไม่เกิน 1.50% (ปัจจุบันเรียกเก็บที่ 1.00%) และค่าธรรมเนียมการจัดการไม่เกิน 1.99% ต่อปี (ปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ที่ 1.61% ต่อปี) (ที่มา: บลจ. แอสเซท พลัส ข้อมูลค่าธรรมเนียม ณ 12 ก.พ. 2561) ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับระดับผลตอบแทนที่ทำได้ ซึ่งสุทธิจากค่าธรรมเนียมการจัดการแล้ว ก็นับว่าให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ สำหรับกองทุนแบบผสมที่มีระดับความเสี่ยง “5” ซึ่งเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนหุ้น (ระดับความเสี่ยง “6”) แต่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ (ระดับความเสี่ยง “4”)
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจลงทุนควรต้องทำความเข้าใจกับความเสี่ยงต่างๆ ที่มาพร้อมการลงทุนด้วย ซึ่งกองทุนนี้มีความเสี่ยงในด้านต่างๆ คล้ายคลึงกับกองทุนผสมที่มีกรอบการลงทุนยืดหยุ่นโดยทั่วไป ได้แก่
- Business Risk ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ซึ่งอาจะกระทบต่อกำไร และราคาของหุ้นนั้น ๆ
- Market Risk ที่เกิดจากภาวะตลาดการเงินที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
- Liquidity Risk ที่เกิดจากความสามารถในการขายหลักทรัพย์ในกองทุนเปลี่ยนเป็นเงินสด ที่อาจมีจำกัดในบางตลาดในบางขณะ
- Credit Risk ที่เกิดจากความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้
- Currency Risk ที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของหลักทรัพย์ที่อยู่ในต่างประเทศ เมื่อคำนวณกลับเป็นมูลค่าในสกุลเงินบาท ซึ่งกองทุนนี้ มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว โดยเป็นการป้องกันความเสี่ยงตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุน ASP-FLEXPLUS สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เริ่มลงทุนกันได้ด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท (ทั้งในการซื้อครั้งแรกและครั้งต่อๆ ไป) ดังนั้น ผู้ลงทุนไม่ว่ารายใหญ่หรือรายย่อยก็สามารถร่วมรับโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีจากกองทุนนี้ได้ไม่ต่างกัน เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจะต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เงินฝาก หน่วยลงทุนของกองทุน ฯลฯ แต่อาจจะไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิดและไม่ชำนาญการจับจังหวะเข้าลงทุนด้วยตนเอง แต่สามารถยอมรับความผันผวนของราคาที่อาจจะเกิดขึ้นจากทรัพย์สินที่กองทุนไปลงทุนได้
ใครที่สนใจลงทุนกับ ASP-FLEXPLUS กองทุนแบบผสมซึ่งมีผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาในเกณฑ์ที่น่าสนใจ และมีกรอบการลงทุนที่ยืดหยุ่นสูงพร้อมกลยุทธ์เชิงรุกที่จะช่วยปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้ทันสถานการณ์ ช่วยให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ไม่ว่าตลาดหุ้นจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.แอสเซท พลัส และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนของ บลจ. แอสเซท พลัส หรือติดต่อ Asset Plus Customer Care โทร. 0 2672 1111 ศึกษาข้อมูลทางเว็บไซต์ https://www.assetfund.co.th/home/FLEXPLUS_AD.html
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน ASP-FLEXPLUS มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
เนื่องจากมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
[Special Content]
Categories: Investment Articles