Netflix คือผู้ผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์และเนื้อหาบันเทิงทางอินเตอร์เนท .. Netflix ก่อตั้งในปี 2540 โดยเริ่มจากธุรกิจขายและให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์ ต่อมาอินเตอร์เนทความเร็วสูงเข้าถึงครัวเรือนมากขึ้น จึงหันมาเน้นบริการออนไลน์สตริมมิ่งแทน และต่อยอดด้วยการผลิตเนื้อหาชั้นนำด้วยตนเอง
ด้านผลประกอบการ กำไรต่อหุ้นของ Netflix เติบโตจาก $0.04/หุ้น ในปี 2555 มาเป็น $1.25/หุ้น ในปี 2560 หรือเติบโต 31 เท่าในเวลา 5 ปี และคาดว่าจะเติบโตเป็น $2.69/หุ้น ในปี 2561 นี้ โดยผ่านมา 2 ไตรมาส ทำกำไรมาแล้ว $1.49/หุ้น หรือ 55% ของกำไรคาดการณ์ทั้งปีนี้ (ก็คือมีโอกาสเข้าเป้าสูง)
(ข้อมูลจาก cnbc.com/quotes/?symbol=NFLX&tab=earnings)
จากการที่กำไรของ Netflix เติบโตอย่างสูงต่อเนื่อง ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับ $400 ในช่วงก่อนหน้าและสามารถยืนได้ที่แถว $355 ณ ปัจจุบัน นับจากการ IPO ที่ราคา $1.20 (ราคา IPO ตอนนั้นคือ $15 ส่วน $1.20 เป็นราคาที่ปรับผลจากการแตกพาร์แล้ว) เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ถือว่าราคาขึ้นมาแล้ว 29,483% เท่ากับว่า ถ้าลงทุนใน Netflix เมื่อ 16 ปีที่แล้วเป็นเงิน 100,000 บาท วันนี้เราจะถือหุ้นมูลค่า 29.58 ล้านบาท !! และเมื่อดูมูลค่าตลาดล่าสุดของ Netflix คือ $154.7 พันล้าน หรือ 5.11 ล้านล้านบาท หรือใกล้เคียงกับมูลค่าตลาดของหุ้น PTT AOT CPALL ADVANC PTTEP SCC และ KBANK รวมกัน #แค่นั้นเอ๊ง
ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Netflix ก็คือ รีด ฮาสติ้งส์ (Reed Hastings) ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอคนปัจจุบันของ Netflix นั่นเอง และในคลิปนี้ คือการสัมภาษณ์รีด ฮาสติ้งส์ โดย คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson) ผู้ก่อตั้ง TED Talk ซึ่งสัมภาษณ์กันไว้ใน TED2018 ที่ประเทศแคนาดา เมื่อเดือนเมษายนปี 2561 ที่ผ่านมา
คลิกปุ่ม Play แล้วรับชมได้เลยครับ
ส่วนด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างช่วงที่น่าสนใจจากคลิป
—
รีด: ต้องยกให้เป็นความดีของอินเทอร์เน็ต ซึ่งก้าวหน้าเร็วมาก ทุกอย่างรอบตัวเราเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
คริส: ผมคิดว่า วัฒนธรรมของเน็ตฟลิกซ์จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดา ที่ทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างกล้าหาญ ซึ่งผมจะไม่เรียกว่า “บ้าระห่ำ” แต่เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญและไตร่ตรองดีแล้ว
รีด: ใช่เลย เรามีจุดแข็งอย่างหนึ่ง นั่นคือเราเกิดและเติบโตมากับดีวีดี และเรารู้แล้วว่าการเติบโตนั้นเป็นแค่เรื่องชั่วคราว ไม่มีใครคิดว่าเราจะส่งดีวีดีทางไปรษณีย์ได้เป็นร้อยปี ซึ่งคุณก็จะวิตกมากว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดพื้นฐานของเรา คือการกังวลอย่างจริงจังว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ
—
รีด: ใช่เลย เราอยากให้พนักงานพูดความจริง เราพูดกันว่า “การเห็นต่างอย่างเงียบ ๆ คือการไม่ซื่อสัตย์” เราจะรับไม่ได้หากปล่อยผ่านการตัดสินใจ โดยที่ไม่ได้แสดงความเห็นของคุณออกมา
—
รีด: ได้เลยครับ ทุกคนจะให้คะแนน “ชินเลอร์ส์ลิสต์” ในระดับ 5 ดาว และให้คะแนน “เดอะดูโอเวอร์” ของอดัม แซนด์เลอร์ แค่ 3 ดาว แต่สิ่งที่คุณเปิดดูจริง ๆ ในช่วงสุดสัปดาห์เกือบทั้งหมดจะเป็นของอดัม แซนด์เลอร์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อคุณคิดวิเคราะห์ถึงคุณภาพ มันจะคล้าย ๆ กับความทะเยอะทะยานส่วนตัว แต่การเอาใจผู้ใช้งานได้ดีกว่านั้น คือการพิจารณาสิ่งที่ผู้ใช้งานเลือกจริง ๆ พวกเขาแสดงออกว่าชื่นชอบความบันเทิงในแบบง่าย ๆ
—
ป.ล. คลิปนี้ แปลไทยโดย Sakunphat Jirawuthitanant (ซึ่งก็คือผมเอง 😀 .. ชวนคลิกที่ชื่อ เพื่อดูผลงานแปล TED Talks อื่น ๆ ของผมอีก 42 ผลงานครับ ) และตรวจทานโดย MeMe Kassiri
Advertisement
Categories: Knowledge Resources