Financial Markets Update

แนวโน้ม SET Index และภาวะการลงทุนรอบโลก จันทร์ที่ 8 ต.ค. 61

  • แนวโน้ม SET Index — ปิดลบแรง ตามเพื่อนส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากจีนลด Reserve Ratio เพื่อกระตุ้นเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่า “ออกอาการ” ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ .. แนวโน้มระยะสั้นเป็นฝั่งขาลงแรง ส่วนระยะกลางก็กลับเป็นขาลงอย่างไม่เป็นทางการด้วยเช่นกัน .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด)
  • แนวโน้มค่าเงินบาท — อ่อนค่าไวมากและต่อเนื่อง ล่าสุดไปอยู่ที่ $32.97 THB/USD และทำให้แนวโน้มระยะกลางพลิกเป็นด้านอ่อนค่าอย่างไม่เป็นทางการซะแล้ว
  • การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ต่างชาติกลับมาขายสุทธิเยอะอีกครั้ง สอดคล้องกับดัชนีที่ร่วงลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว
  • แนวโน้มราคาทองคำ — ทรงตัวที่ระดับ 1,195 +/- แนวโน้มกลับเป็นขาขึ้น
  • แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ —  ย่อตัวลงมาที่ระดับ $82-$83 แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่

(กราฟจากบริการ Aspen by ThaiQuest)

  • Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — ลบทั่วหน้า

  • Snapshot ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ส่วนระยะสั้น 3 เดือน ปรับลดลง ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของเยอรมนีและญี่ปุ่นลดลง  .. ซึ่งราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

ชวนทำความเข้าใจ

  • สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
  • ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป

 

Advertisement