• แนวโน้ม SET Index — ดัชนีกลับมาบวกได้ แต่อย่างที่รู้กัน ว่าสัปดาห์ก่อน ๆ ลงมาแรง .. ทั้งแนวโน้มระยะสั้น (กรอบเวลา Daily – ซึ่งไม่ได้แปลว่าดู 1 วันแล้วจบ) และ ระยะกลาง (กรอบเวลา Weekly – ซึ่งไม่ได้แปลว่าดู 1 Week แล้วจบ) จึงยังเป็นขาลงทั้งหมด .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด)
• แนวโน้มค่าเงินบาท — อ่อนค่าต่อเนื่องไปอยู่ที่ $33.20 THB/USD ทำให้แนวโน้มระยะกลางพลิกเป็นด้านอ่อนค่า
• การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — แม้วันนี้ตลาดจะบวก แต่ต่างชาติยังคงถล่มขายสุทธิหนักต่อไป ตลอดปีนี้ รวมกันมากกว่า 250,000 ล้านบาทแล้ว
• แนวโน้มราคาทองคำ — ย่อลงมา แต่แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นขาขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
• แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ —  ดิ่งลงมาจาก $85 เหลือ $77 แนวโน้มระยะกลางกลับเป็นขาลง

(กราฟจากบริการ Aspen by ThaiQuest)

• Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — พลิกกลับมาบวกได้แล้ว โดยส่วนใหญ๋

• Snapshot ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — เมื่อตลาดหุ้นบวกค่อนข้างจะพร้อมเพรียง ก็เกิดแรงขายพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้น ราคาขยับลง .. ซึ่งราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

ชวนทำความเข้าใจ

• สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
• ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป

Advertisement