• แนวโน้ม SET Index — เช้าลบ แต่บ่ายแรงดี วิ่งขึ้นกลับมาปิดบวกได้ แนวโน้มระยะสั้นจึงยังเป็นขาขึ้น ส่วนระยะกลางยังเป็นขาลง แต่ก็ดูดีขึ้นกว่าเดือนก่อน .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD ในกราฟ โดยแนวโน้มล่าสุด ให้ดูตามทิศทางหัวลูกศรอันขวาสุด (อันล่าสุด)
• แนวโน้มค่าเงินบาท — แข็งค่าไปที่ $32.78 THB/USDแนวโน้มระยะกลางก็ยังคงเป็นด้านอ่อนค่า
• การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — วันนี้ยอดซื้อขายสุทธิแทบไม่ขยับ แต่ในภาพรวม ต่างชาติยังคงขายสุทธิอยู่เยอะมา ตั้งแต่ต้นปีนี้ขายรวมกันมากกว่า 270,000 ล้านบาทแล้ว
• แนวโน้มราคาทองคำ — ทรงตัวที่ระดับ $1,23x แนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นขาขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
• แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ —  หลังจากดิ่งลงมาจาก $85 เหลือ $73 ก็เริ่มยืนได้ แต่แนวโน้มระยะกลางเป็นขาลงแรง ซึ่งน่าจะช่วยให้เงินเฟ้อขยับตัวช้าลงกว่าแนวโน้มช่วงก่อนหน้า ซึ่งราคาน้ำมันพุ่งจาก $70 ขึ้นไปเร็วมาก

(กราฟจากบริการ Aspen by ThaiQuest)

• Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — หลังผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ออกมาในด้านเอื้อต่อตลาด ดัชนีส่วนใหญ่ที่เปิดแล้ว ก็ขยับขึ้น รวมถึง Dow Jones Futures ที่เปิดนำตลาดหลัก ก็วิ่งไปแล้ว 179 จุด เย้ !!

• Snapshot ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — นอกจากเงินจะไหลเข้าตลาดหุ้น ก็ยังไหลเข้าตลาดพันธบัตรด้วย อัตราผลตอบแทนลดลง ราคาเพิ่มขึ้น  .. ซึ่งราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

ชวนทำความเข้าใจ

• สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
• ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป

Advertisement