ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ของโลก ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทัน การเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจเป็นความเสี่ยงที่เข้ามากระทบ ทำให้บางบริษัทต้องล้มหายตายจากไปอย่างกรณี Kodak ซึ่งมีธุรกิจหลัก คือการขายฟิล์ม แต่ต้องล้มพับลงไปจากการปรับตัวไม่ทันต่อยุคเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำเนิดขึ้น ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ก็เป็นโอกาสให้อีกหลายบริษัทเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาไม่นานเช่น Facebook ที่ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการธุรกิจระดับโลกในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ในกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้เอง จะมี Megatrends หรือกระแสเทรนด์หลัก ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกระดับ ทั้งในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้คน ในโลกของการลงทุนก็เช่นกัน หากเลือกลงทุนในบริษัทที่สอดรับกับ Megatrends ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีโอกาสเติบโตสูงและล่มสลายได้ยาก ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้อย่างมหาศาล
แต่กระนั้น ภายใต้ Megatrends สำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีด้านอื่น ๆ ด้วย ได้แก่
- การขยายตัวของเมือง (Urbanization) ประชากรจำนวนมากย้ายเข้าสู่สังคมเมืองทำให้เกิดความขาดแคลนที่อยู่อาศัย ปัญหาการขนส่งสาธารณะ ปริมาณของเสีย ที่จำเป็นต้องมีการจัดการอย่างชาญฉลาด
- แนวโน้มของนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยี (Technological Innovation) นวัตกรรมใหม่ๆ ถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตผ่านการใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) ในภาคการผลิต และการใช้บริการออนไลน์ในภาคการขายสู่ผู้บริโภค
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคม (Demographical & Social Change) การเปลี่ยนแปลงในเชิงประชากร (Demographic Change) แตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัยในประเทศตะวันตก การเกิดขึ้นของชนชั้นกลางในเอเชียและแอฟริกา
- ความจำกัดของทรัพยากรของโลก (Resource Scarcity) วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตหลากหลายชนิดมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ต้องมีการพัฒนาทรัพยากรเพื่อใช้ทดแทนสิ่งที่มีอยู่เดิม
อย่างไรก็ดี แม้เราจะสามารถเล็งเห็น Megatrends ที่กำลังดำเนินอยู่ แต่ในทางปฏิบัติ ก็ยังมีอีกหลาย Theme และหลายธุรกิจภายใน Theme นั้น ๆ ให้เลือกลงทุน ซึ่ง Theme ต่าง ๆ นั้น เปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก ดังนั้น การที่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเงินทุน เวลา ข้อมูลและความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ ก็อาจทำให้ไม่สามารถบริหารโอกาสในการลงทุนให้ทันตามเทรนด์ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดเป็นโจทย์สำคัญคือ
แล้วนักลงทุนทั่วไปมีทางเลือกอย่างไรในการเข้าถึงโอกาสลงทุนแล้วก้าวทันตาม Megatrends เหล่านั้นได้ ?
ล่าสุด บลจ. กสิกรไทย หรือ KAsset ได้นำเสนอ กองทุนเปิดเค โกลบอล ไฮ อิมแพ็ค ธีมาติก หุ้นทุน หรือ K-HIT ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีส่วนร่วมกับ Megatrends ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดย K-HIT นั้นจะลงทุนผ่านกองทุนหลักคือ Allianz Thematica P EUR ซึ่งบริหารโดย Allianz Global Investors ที่มีความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยมากประสบการณ์ ผ่านวิธีการลงทุนแบบ Thematic เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งกองทุนหลักดังกล่าวมีกลยุทธ์การคัดเลือก Theme และหุ้นในธุรกิจ Megatrends ดังนี้

- มองหาปัจจัยในระดับ Megatrends ปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับมหภาคที่จะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ในระยะเวลาอีก 20-100 ปี ข้างหน้า เช่น การเปลี่ยนแปลงและขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization)
- คัดเลือก Theme การลงทุน โดยเลือก Theme ภายใต้ปัจจัย Megatrends ที่มีความชัดเจนมากพอที่จะค้นหาธุรกิจที่สามารถลงทุนได้และสร้างผลกระทบต่อทั่วโลก ในระยะเวลา 5-20 ปีข้างหน้า เช่น Theme เมืองแห่งเทคโนโลยีหรือเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
- คัดเลือกหัวข้อการลงทุนย่อย (Topics) โดยเลือกหัวข้อธุรกิจจาก Theme การลงทุน ธุรกิจที่มีการดำเนินงานและผลตอบแทนอย่างเป็นรูปธรรม มีสินค้าและบริการที่มีผู้ใช้งานอยู่จริง และสร้างผลกระทบต่อทั่วโลก ในระยะเวลา 2-5 ปีข้างหน้า เช่น ธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles)
- คัดเลือกหุ้นรายตัว โดยผู้จัดการกองทุนคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up Approach เน้นหุ้นบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
จุดเด่นของกองทุนหลัก
- หลากหลาย : กระจายการลงทุนใน Themes ธุรกิจที่สอดคล้องกับ Megatrends โลก กองทุนหลักใช้วิธีการลงทุนแบบ Thematic Investing เพื่อกระจายการลงทุนใน Theme ที่สอดคล้องกับ Megatrends โลก เช่น ลงทุนใน Themes ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งมีโอกาสเติบโตจาก Megatrends การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร ซึ่งสังคมกำลังเข้าสู่ยุค Aging Society มากยิ่งขึ้น
- ทันการณ์ : ปรับเปลี่ยน Themes ธุรกิจใหม่ อย่างน้อย 1 Theme ทุกปี เมื่อ Theme ธุรกิจที่ลงทุนอยู่เดิม เริ่มเติบโตจำกัด มีความน่าสนใจน้อยลง
- ยืดหยุ่น : ผ่านการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ไม่จำกัดทั้งขนาดและกลุ่มอุตสาหกรรม โดยผสมผสานเทคนิคการลงทุนทั้งการวิเคราะห์ในเชิงมหภาค (Top-down Approach) และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up Approach) เพื่อคัดหุ้นรายตัวที่น่าสนใจ
ตัวอย่าง Themes และธุรกิจที่ลงทุน

- Themes ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (Pet Economy) จาก Megatrends การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร ซึ่งจำนวนประชากรในกลุ่มรายได้ปานกลางจากกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่มีมากขึ้น รวมถึงทัศนคติของคนรุ่นใหม่มองสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้จำนวนสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้น พร้อมกับความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์เลี้ยง โดยตัวอย่างธุรกิจที่อยู่ภายใต้ Theme นี้เช่น ธุรกิจดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
- Themes ธุรกิจการรักษาความปลอดภัย (Safety and Security) การเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ทำให้เกิดการโจมตีข้อมูลออนไลน์ (Cyberattacks) กลายเป็นสงครามมิติแบบใหม่ สร้างความเสี่ยงให้กับผู้บริการทั่วโลกที่ทำงานด้วยข้อมูลมหาศาล ธุรกิจที่สามารถนำเสนอ Solution ในการป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ ย่อมนำเสนอโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ ตัวอย่างธุรกิจใน Theme นี้ได้แก่ ธุรกิจการป้องกันสมัยใหม่ (Modern Defense) ธุรกิจการป้องกันภัยจากการโจมตีข้อมูลออนไลน์ (Cyber Security) ธุรกิจผลิตอิเล็กทรอนิกส์ล็อก (Electronic Locks) ธุรกิจระบบควบคุมการเข้าออกอัจฉริยะ (Smart Access)

และด้วยจุดเด่นของกลยุทธ์การลงทุนแบบ Thematic Investing ทำให้กองทุนหลักสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของดัชนีชี้วัด MSCI All Country World Index (MSCI ACWI) และ EAA Fund Global Large-Cap Blend Equity

กองทุน K-HIT สามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยจำนวนเงินเพียง 500 บาท โดยซื้อผ่านธนาคารกสิกรไทย หรือ K-MY Funds App ผู้ลงทุนไม่ว่ารายใหญ่หรือรายย่อยจึงร่วมรับโอกาสผลตอบแทนจากกองทุนนี้ได้ทั่วถึง เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหา Megatrends ใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่อาจไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด และไม่ชำนาญการวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงลึก และต้องการผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจับจังหวะการลงทุน แต่ก็สามารถรับความผันผวนของราคาของหลักทรัพย์ประเภทหุ้นได้
ทั้งนี้ กองทุน K-HIT จะเสนอขาย IPO ระหว่างวันที่ 9 – 19 กรกฎาคม 2562 ใครที่สนใจลงทุนในกองทุน K-HIT เริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ผ่านแอป K-My Funds หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 02-6733888 หรือคลิก [ https://bit.ly/2JiBqYY ]
คำเตือน
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีราคาผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน
- กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#KHIT #KAsset #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน
[Special Content]
Categories: Financial Markets Update