วันนี้ Thailand Investment Forum (TIF) จะพาคุณมาทำความรู้จักกับสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งกำลังจะเปิดในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ และพูดคุยกับผู้ริเริ่มก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ในประเทศไทย ซึ่งท่านยังเป็นผู้อำนวยการ สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปร้านภูฟ้า รวมถึงเป็นกรรมการองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มากมาย รวมทั้งโรงแรมและโรงไฟฟ้า ท่านคือ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สาคร สุขศรีวงศ์ (SS) ประธานบริหาร King’s College International School Bangkok
นอกจากการอ่าน ท่านสามารถเลือกติดตามได้ในรูปแบบ Facebook video และ Soundcloud
TIF: คำถามแรกจะขอเรียนถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวก่อนเลยนะครับ ทราบมาว่าอาจารย์สาครเป็นคุณพ่อของลูกๆ 4 คนและลูก ๆ 4 คนบางคนเรียนอยู่ที่อังกฤษ บางคนเรียนนานาชาติอยู่ที่ประเทศไทย อยากให้เล่าว่า กระบวนการแนะนำลูก ๆ ในการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
SS: ผมก็คงจะเหมือนกับผู้ปกครองหรือว่าคุณพ่อคุณแม่จำนวนมากในประเทศไทยว่า เราตั้งเป้าหมายในการที่จะมอบการศึกษาที่ดีที่สุดให้กับลูกของเรา ซึ่งถ้าใครที่สนใจทางด้านการศึกษาคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโรงเรียนนานาชาติในปัจจุบันได้รับความนิยมด้วยหลายปัจจัยด้วยกัน ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่เมื่อได้ศึกษาดูแล้วเราเห็นว่าเมื่อเราต้องการให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด ให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขน ก็เลยตัดสินใจว่าส่งลูกเข้าไปอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ
ถึงแม้ว่าเบื้องต้นจะมีความกังวลอยู่บ้าง ว่าแล้วลูกเราในที่สุดจะมีมารยาทเป็นอย่างไร ยังสามารถรับวัฒนธรรมประเพณีความเป็นไทยได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยโอกาสทางการศึกษาในวันนั้นที่ตัดสินใจ เราก็ส่งเค้าไป ทยอยส่งทีละคน เข้าไปอยู่ทั้ง 4 คน เรียนมาเรื่อย ๆ เดิมทีก็คิดว่าจะให้อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ยาวเลย จนกระทั่ง Year 13 และก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย อันนั้นเป็นความตั้งใจเดิม
แต่ตอนที่ลูกชายคนโตอายุ 10 ขวบ เมื่อประมาณ 3 ปีกว่าที่ผ่านมา อยู่ ๆ ก็เดินมาหาผมและบอกว่า “พ่อครับ ขอไปเรียนที่อังกฤษ” ตอนนั้นต้องบอกว่า ทั้งพ่อทั้งแม่ก็ตกใจเหมือนกันว่า เอ๊ะ ลูกเราเกิดอะไรขึ้น อายุเพียงแค่ 10 ขวบ คิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้อย่างไร หลังจากที่พอเค้ามาขอสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าเราต้องทำคือการหาข้อมูลมากที่สุด
ในวันนั้น ผมรู้จักเรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนที่อังกฤษไม่มากเลย เราก็ทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นแล้วผมก็ให้ลูกเข้าไปสอบ ในวันนั้น จำได้ว่าให้เค้าไปสอบอยู่ 3 โรงเรียน ก็ถือว่าโชคดีว่าเค้าสอบได้ทั้ง 3 โรงเรียน และหลังจากพิจารณารอบด้านทั้งหมดแล้ว เค้าบอกเค้าเลือกโรงเรียนนี้ ที่อยู่ใกล้ๆ ที่ Oxford เป็นโรงเรียนชายล้วน เป็น Prep-School สอนตั้งแต่ Year 4 ถึง Year 8 มีนักเรียนอยู่ประมาณเพียงแค่ 220 คน แล้วก็เรียกว่าอยู่ในธรรมชาติ มีสนามฟุตบอล มีพื้นที่กว้างใหญ่หลายสิบเอเคอร์ เค้าบอกว่า เค้าน่าจะมีความสุขในการอยู่กับธรรมชาติ เราก็เลย ตามใจลูกก็ปล่อยให้อยู่ในโรงเรียนนั้นไป ก็ถือว่าเค้าก็เป็นคนเลือกเอง เพียงแต่ว่า เรามีหน้าที่ มอบโอกาส มอบความรู้ มอบข้อมูลทั้งหมดให้กับเค้า

TIF: นี่เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่จะนำโรงเรียนชั้นนำจากอังกฤษเข้ามาที่ประเทศไทยหรือเปล่า
SS: จริง ๆ ใช่เลยเพราะว่า ณ วันนั้น พอเรามองเห็น อย่างผมไปที่โรงเรียน Prep-School ที่ลูกเรียนอยู่ คำแรกเลยที่ครูใหญ่บอกมา เค้าบอกว่าที่นี่เค้าไม่ได้ทำอะไรให้กับลูกคุณมากนะ สิ่งที่เค้าจะทำก็คือ ประการแรก เค้าทำให้ลูกคุณมีความสุข คือ happy ประการที่ 2 เค้าบอกว่า เค้าจะทำให้ลูกคุณใช้เวลาเต็มที่เลยก็คือยุ่งมากเลย ก็คือ busy และข้อที่ 3 เค้าบอกว่า เค้าต้องการทำให้ลูกเรา polite ก็คือ มีความสุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อม ตอนที่ผมฟัง ผมก็เลยบอกว่า นี่คือทั้งหมดที่เราต้องการสำหรับเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง จุดนั้นจึงเป็นจุดเริ่มว่า มานั่งดูแล้ว ทำอย่างไรเราถึงจะสามารถดึงคุณภาพแบบนั้น มาเปิดโอกาสให้กับคนที่อยู่ในประเทศไทย ได้รับโอกาสแบบเดียวกัน
TIF: ขอถามอาจารย์สาครว่า ทำไมถึงไปเลือก King’s College School Wimbledon มาเปิดที่ประเทศไทยครับ
SS: ตอนที่ตั้งใจที่จะทำโรงเรียน คุยกับทางกลุ่มของผู้ที่มีความสนใจ เพราะว่าตอนแรกเราคุยไปหลายคน เค้าก็อาจจะมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน จนกระทั่งคุยกับในกลุ่มบริษัท เราก็บอกว่า อยากจะทำโรงเรียนนะ แต่ขอให้เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด จากโจทย์ตัวนี้ก็มานั่งคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด แล้วก็ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทยให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยต้องจะมีอยู่ 2 เงื่อนไข ไม่ว่าจะโรงเรียนอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้โลเคชั่นหรือว่าทำเลที่ดีอันนี้คงจะไปไม่ได้ เพราะว่าการจราจรในกรุงเทพฯ เป็นความท้าทายอันดับต้นทีเดียว ก็โชคดีนะครับว่าทางเครือสหพัฒน์ ท่านมองเห็นความตั้งใจจริงของเรา แล้วก็เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ท่านก็มอบที่ดินเรียกว่าผืนงามทีเดียว ให้เช่ากันระยะยาว เรียกว่าสามสิบบวกสามสิบปี เป็นจุดที่ขึ้นลงทางด่วนได้หลายที่
เพราะฉะนั้น เรื่องของโลเคชั่นจากจุดที่เป็นห่วงมากก็เลยกลายเป็นเรียบร้อยไป
TIF: ที่ตั้งที่อาจารย์พูดถึงว่าอยู่พระรามสามใกล้ทางด่วน อยากให้อาจารย์อธิบายเพิ่มว่ามันมีความโดดเด่น มีความสะดวกอย่างไรต่อนักเรียน ผู้ปกครอง และการเรียนที่นี่
SS: แน่นอนว่า ผู้ปกครองคงไม่อยากให้ลูกโตในรถ จะอย่างไรก็ตาม อย่างผม บ้านผมอยู่รัชดาภิเษกจะให้ผมส่งลูกไปเรียนบางนา ต่อให้เป็นโรงเรียนดีขนาดไหน ผมคงไม่สามารถไปได้ เพราะฉะนั้น การเดินทางเป็นเรื่องสำคัญ ทีนี้โรงเรียนนานาชาติ ถามว่าผู้ปกครองเดินทางกันอย่างไร โดยปกติใช้รถกันเต็มไปหมด แต่ว่าพอใช้รถก็จะเกิดความท้าทายขึ้นมา
ใครบ้านอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติก็จะพอทราบว่า บางทีกลัวเหมือนกัน ถามว่ากลัวอะไร กลัวมาพร้อมกับการจราจรที่ติดขัด เพราะฉะนั้น ตอนที่เราทั้งออกแบบ ทั้งสรรหาโลเคชั่น ตรงพระรามสามกลายเป็นจุดที่ขึ้นลงทางด่วนถึง 3 สาย จากพระรามสอง ข้ามสะพานพระรามเก้ามาก็ถึงเลย จากบางนามาเลี้ยวตรงท่าเรือก็ถึงเลย หรือจากทางด่วนขั้นที่ 2 จากทางเหนือมาก็สามารถมาได้ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่เราตั้งใจคือ เราต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหากับชุมชนเพราะฉะนั้น โรงเรียนนี้ตอนที่บอกทางสถาปนิก ตอนวางผังออกแบบ บอกต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหานะ ไม่ใช่มาแล้วรถติดแล้วให้คนแถวนั้นเค้าสามารถต่อว่าเราได้
เพราะฉะนั้น ต้องบอกว่า เราคงเป็นโรงเรียนแห่งแรก ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นแห่งเดียวหรือเปล่า ที่ทำอาคารจอดรถขึ้นมานับตั้งแต่วันแรก สร้างกันไปสร้างกันมา ปัจจุบัน ณ วันแรกที่เปิดจะมีพื้นที่ใช้สอยถึงกว่า 42,000 ตารางเมตร เพราะฉะนั้น เรื่องของโลเคชั่น จากจุดที่เป็นห่วงมากก็เลยกลายเป็นเรียบร้อยไป




ก็จะมาถึงประเด็นที่ 2 ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญมากไปกว่านั้นอีก ก็คือว่าแล้วเราจะหาความร่วมมือจากใคร และที่สำคัญ เราก็รู้อยู่ว่า โรงเรียนที่อังกฤษเค้ามีระบบ มีรูปแบบ มีหลักสูตรที่ดีอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ไปจับมือกับเค้ามาเลย ก็ไปเจอ King’s College School, Wimbledon ซึ่งจะเห็นว่าในด้านการศึกษาเค้าเรียกว่าต้องลำดับต้น ๆ ของที่อังกฤษเลย พอพูดปั๊บ คนในอังกฤษก็จะรู้จักกัน นั่นประการที่ 1 ประการที่ 2 คือ เค้าเป็นโรงเรียนไปกลับ ก็คือ เป็นโรงเรียน Day School เราก็ตั้งใจที่จะทำโรงเรียน Day School อยู่แล้ว เราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ Boarding School ตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ข้อ 2 นี้ก็ตรงกันอีก ข้อที่ 3 โรงเรียนนี้เค้ามีทั้งนักเรียนชาย แล้วก็นักเรียนหญิง โดยเฉพาะระดับผู้ใหญ่ Sixth Form เค้าก็มีนักเรียนหญิงด้วย เพราะฉะนั้นก็ตรงกับความตั้งใจอีก แล้วก็ข้อที่ 4 คือ โรงเรียนนี้ไม่ได้มีเฉพาะชั้นเด็กโตหรือว่าชั้น Year 9 เป็นต้นไป แต่เค้ามีจนกระทั่งเป็นเด็กเล็ก
เราก็บอก ถ้าอย่างนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องการเลย เพราะว่าเค้ามีหลักสูตร รู้จักครูบาอาจารย์ อยู่ในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เหล่านั้นมาอยู่แล้วสามารถทำได้ แต่ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุด ก็คือว่าเค้ามีคุณค่าร่วมเหมือนกันกับเรา ก็คือเค้าต้องการที่จะสร้างโรงเรียนที่ดีที่สุด



ครูใหญ่ Mr. Andrew Halls พูดเสมอว่า ถ้าจะเกิดมาสร้างที่นี่ เค้าไม่ต้องการให้เป็นเพียงแค่โรงเรียน franchise school อีกแห่งหนึ่งของโลก แต่ว่าเค้าต้องการจะสร้างโรงเรียนที่มีดีคุณภาพจริง ๆ และมีความเป็นจิตวิญญาณ ของ King’s College School, Wimbledon ก็เลยถึงได้เล็งไปที่เค้า
TIF: เมื่อได้ฟังข้อมูลในฝั่งของที่อังกฤษอย่างนี้แล้ว ในฝั่งของไทยเอง คุณสมบัติที่เชื่อว่าจะต้องโดดเด่นสำหรับนักศึกษาที่นี่ นักเรียนที่นี่มีอะไรบ้างครับ
SS: ต้องบอกว่า ไม่ใช่เฉพาะเราเป็นคนเลือกเค้า ทางโน้นก็เลือกเราเหมือนกัน เค้ามั่นใจในทีมงาน มั่นใจว่าเราตั้งใจทำโรงเรียนที่มีคุณภาพดีจริง ๆ เค้าถึงได้เลือกที่จะมาเปิดกับเรา
โรงเรียน King’s College School Wimbledon ถึงแม้จะเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่อังกฤษ เค้าก็บอกว่า เรื่องครูอาจารย์เค้าสามารถที่จะเลือกได้ดีที่สุดแน่นอน เรื่องหลักสูตร เค้ามีหลักสูตรเรียบร้อยอยู่แล้ว เราสามารถนำไปใช้ได้ เรื่องนโยบายการทำงานต่าง ๆ เค้ามีพร้อมอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จำเป็นเสมอสำหรับโรงเรียน ก็คือ การคัดเลือกนักเรียนที่มีคุณภาพ มีความพร้อมเพียงพอที่จะรับเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ เราคงต้องดูความพร้อมของเด็กเป็นหลัก อันนี้เป็นประการที่ 1 คือความพร้อมของเด็ก
ข้อที่ 2 ต้องดูด้วยว่า ทั้งเด็กก็ตาม ทั้งผู้ปกครอง คุณพ่อคุณแม่มีคุณค่าร่วมเหมือนกับเราหรือเปล่า คุณค่าร่วมในที่นี้ เราตั้งกันไว้กับทาง King’s College School Wimbledon ว่ามีอยู่อย่างน้อยสามเรื่องที่สำคัญมากที่สุด
ข้อที่ 1 ก็คือ เราบอกว่าจะมาเรียนที่นี่จะต้องมี Good manners หรือว่ามีความสุภาพเรียบร้อย มีมารยาทที่ดีงาม
ข้อที่ 2 โรงเรียนนอกจากคำว่า กายวาจาจาก Good manners แล้วต้องบอกว่าข้อที่ 2 นี้พูดง่าย ๆ ก็คือ ใจ ก็คือคำว่า Kindness จะต้องมีจิตใจที่มีความเมตตา รู้จักแบ่งปัน อ่อนโยน นี่คือความสำคัญ เพราะว่าไม่อย่างนั้น เราสร้างคนขึ้นมาแต่ใจไม่ดี ถึงเวลาต่อไปก็จะเป็นพื้นฐานในการทำเรื่องไม่ดี
ข้อที่ 3 ก็คือคำว่า Wisdom หรือการแสวงหาสติปัญญา สติปัญญาในที่นี้อาจจะหมายถึงความใฝ่รู้ การรู้รอบ การรู้ลึก การรู้เท่าทันความเป็นจริง เพราะฉะนั้น โรงเรียนอย่างไรก็ตามยังต้องเน้นความเป็นปัญญา
นี่คือเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ ซึ่งเป็นคุณค่าหลักของโรงเรียน นี่ไม่ใช่เน้นที่จะก่อให้เกิดเฉพาะกับผู้ปกครองหรือว่านักเรียนเท่านั้น ผู้ปกครองเอง ครอบครัวเองก็จะต้องแชร์คุณค่าร่วม หรือมีคุณค่าร่วมแบบเดียวกับที่เราต้องการ แล้วก็ครูบาอาจารย์ก็ต้องมีคุณค่าร่วมทั้ง 3 อย่างนี้ เราลงไปถึงเจ้าหน้าที่ พนักงานก็อยากให้มี
โรงเรียน King’s College School, Wimbledon เค้าไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่อง Academic excellence หรือว่าความเป็นเลิศทางวิชาการแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีอีก 2 ตัว ที่เค้าบอกเป็นความแตกต่างของเค้าเลย
ประการที่ 1 ก็คือ คำว่า Co-curricular programme ก็คือกิจกรรม ผมใช้ภาษาไทยว่า กิจกรรมร่วมผสม โรงเรียนบางโรงเรียน เรียนเป็นหลักเล่นเป็นรอง เพราะฉะนั้น การเล่น กีฬา กิจกรรม คลับ โซไซตี้ ถือว่าเป็นส่วน Extra-curricular activity แต่ที่นี่ไม่ใช่ เค้าบอกว่าการพัฒนาเด็ก จะต้องมีการเรียนทั้งในห้องเรียน แล้วก็กิจกรรมนอกห้องเรียน
ทั้งหมดนี้แหละเป็นโปรแกรมทั้งหมด ขาดส่วนใดส่วนหนึ่งเด็กก็จะไม่สมบูรณ์ จึงเรียกว่าเป็น Co-curricular programme





นอกจากนั้น การดูแลเด็กจะเป็นความสำคัญ อันนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าทางอังกฤษ ทางโรงเรียนทำได้ดีมาก เราเรียกคำนี้ว่าเป็น Pastoral care ก็คือ การดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างครบถ้วนรอบด้าน ไม่ใช่เพียงแค่ ครูก็รู้เฉพาะว่า เด็กเรียนดี ไม่ดี เรียนวิชาอะไร จะลงทะเบียนวิชาอะไร ไม่ใช่นะครับ ต้องรู้ว่าเด็กมีความเป็นอยู่อย่างไร เด็กมีปัญหายังไง เด็กกำลังพยายามอะไรบ้าง เด็กมีเป้าหมายมีความตั้งใจอะไร เด็กต้องการแก้ปัญหาอะไร ครูจะต้องเข้ามามีบทบาท
ในระบบอังกฤษ เราจะเรียกว่าเป็น Tutorial system เรียกว่าสุขภาวะ ความเป็นอยู่ ทั้งสภาพกายและใจของเด็กให้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ผมแปลในภาพรวมว่าเป็นการดูแลเอาใจใส่อย่างครบถ้วนรอบด้าน
ข้อแรก เราจะต้องมีคนที่เมื่อสักครู่ผมเล่าไป ว่าจะต้องเป็น Tutor ในการดูแลสารทุกข์สุขดิบ จะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับนักเรียนทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่จะรู้เรื่องแค่เพียงด้านการศึกษาเท่านั้นนะครับ
ข้อที่ 2 ที่จำเป็น ก็คือ เค้าจะต้องมีโอกาสในการทำกิจกรรม ในการพัฒนา ในการดำรงตำแหน่งต่าง ๆ นานา เพราะฉะนั้น จึงเกิดระบบ House System ขึ้นมา ถ้าใครเคยดูหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็จะพอคุ้น ๆ ว่าในระบบการศึกษาที่อังกฤษ เค้าจะมีการสร้างออกเป็นบ้าน และบ้านเหล่านั้น ไม่เพียงแค่สำหรับแข่งกีฬาสีแบบที่เราคุ้นเคยกันในเมืองไทย แต่ว่าบ้านเหล่านั้นอาจจะมีการสะสมคะแนนเป็น House point แข่งกันทำความดีนะครับ แข่งกันในเรื่องต่าง ๆ เพราะฉะนั้น การแข่งขันก็จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับสภาพของการแข่งขัน แต่เป็นการแข่งขันอย่างฉันมิตร แล้วก็คนที่อยู่ใน house จะได้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกความเป็นผู้นำ ฝึกโอกาสในการทำงานของเด็ก ๆ เหล่านั้นตั้งแต่เล็ก
อย่างลูกชายผมก็จะได้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เราก็จะได้เห็นเลยว่า เค้าจะต้องลุกขึ้นมาเตรียมตัว เช่น เค้าจะต้องคิดแล้วนะ ว่าจะต้องวางเป้าหมายในการทำงานอย่างไร เค้าจะต้องคิดต่อไปว่า แล้วเค้าจะต้องทำ presentation หรือพูดกับเพื่อน ๆ ยังไง เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้มันไม่สามารถจะหาได้ภายในห้องเรียน นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจให้เกิดขึ้นนะครับ
TIF: ขอกลับมาถามอาจารย์สาครเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการ ความยากลำบาก ความท้าทาย กว่าที่จะนำโรงเรียนนี้มาเปิดที่เมืองไทยได้ เค้าเชื่อมั่นอะไรเรา มีจุดไหนที่เคยกังวล แต่ก็ผ่านได้มาอย่างสวยงาม เล่าให้ฟังหน่อยครับ
SS: ต้องเรียกว่าก็เหมือนกับการทำธุรกิจประการหนึ่งเลย ผมจะต้องนำแผนการทำงานไปนำเสนอ ถ้าภาษาทางธุรกิจบ้านเรา ก็คือ ไปทำ pitching ไปอธิบายว่า สิ่งที่เราทำเป็นอย่างไร แล้วเค้าก็เชิญประชุมบอร์ดทั้งหมด แล้วเราก็เป็นผู้นำเสนอ แล้วต้องตอบคำถามด้วย เค้าก็ถามขึ้นมาบอกว่า อาจารย์สาคร ถามจริงๆ เถอะ คุณต้องการให้ King’s College School, Wimbledon มาร่วมมือ คุณต้องการอะไรจาก King’s College School, Wimbledon กันแน่
เรารู้ว่าเค้าเป็นโรงเรียนที่ดี แต่ว่า สิ่งที่จำเป็น แล้วก็เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการประกอบการงานโรงเรียน ก็คือ ครู ผมก็เลยตอบไป บอก ขอให้ช่วยหาครูให้ครับ
เพราะในที่สุด ครูคือความท้าทาย พอเราตอบไปอย่างนั้น ผมเข้าใจเลยว่าทั้งห้องเหมือนเค้าเกิดความโล่งใจว่า นี่คิดเหมือนกัน ว่าคุณจะทำโรงเรียนที่ดีต้องอยู่ที่ครู เค้าถึงเลือกเรา และเราก็เลือกเค้าเช่นกันครับ

TIF: อาจารย์สาครเองก็มีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจ เป็นทั้งผู้บริหาร แล้วก็เป็นนักลงทุน มองเห็นศักยภาพอะไร และเห็นประโยชน์อะไรของโครงการนี้ ถึงได้หันมาทำด้านการศึกษาครับอาจารย์
SS: ผมคิดว่าเป็นโอกาสของคนไทย ถามว่าทำไมถึงเป็นโอกาส เนื่องจากว่าในบริบทปัจจุบัน เราก็ทราบว่าการศึกษาในบ้านเราสามารถมอบคุณค่าให้กับนักเรียนได้ในระดับหนึ่ง คุณภาพที่เราทำกันในอดีตหรือทำในปัจจุบัน อาจจะไม่เพียงพอ เรามีความจำเป็น มีความต้องการที่จะได้คุณภาพระดับสูงสุดของโลกอย่างนี้ มาอยู่ในเมืองไทย ผมคิดว่าจุดต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นจุดที่เราสามารถเข้าไปเสริมเข้าไปเติมเต็มได้
TIF: จากที่ฟังมาทั้งหมด ผมนึกถึงคำหนึ่งที่ได้ยินมา ก็คือ จิตวิญญาณ ของ King’s College School, Wimbledon ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทาย คือว่าการที่จะนำมาเปิดในกรุงเทพฯ มันจะมีการส่งต่อหรือส่งผ่านจิตวิญญาณนี้จากอังกฤษมายังไทยได้อย่างสมบูรณ์ จะทำได้อย่างไรครับ
SS: ข้อที่ 1 ตอนที่เราคุยกับ King’s College School, Wimbledon เราบอกเลยว่า เราอยากให้เค้ามาช่วยกันทำ ระบบงานต่าง ๆ มาช่วยกันเถอะ ปรากฏว่าทางอังกฤษแฮปปี้มาก เพราะตัวเองก็มีความประสงค์ว่า ถ้าจะมาทำ ขอเป็นผู้กำหนด วางรากฐานในเรื่องต่าง ๆ เพราะฉะนั้น ในเรื่องการทำงาน ต้องเรียกว่าเราทำด้วยกันตลอดเวลา
ตัวแทนของ King’s College School Wimbledon ก็อยู่ใน Project Management Board หรือคณะกรรมการโครงการในการดำเนินงาน อยู่ใน Working group คณะทำงานทุกอย่างเลย เพราะฉะนั้น งานต่าง ๆ เหมือนกับทำเองอยู่ที่โน่น จุดนี้ผมคิดว่าจะเป็น Key success factor หรือว่ากุญแจแห่งความสำเร็จ ในการถ่ายทอดจิตวิญญาณของความเป็น King’s College School, Wimbledon ที่สำคัญที่สุด
TIF: เข้าใจว่าตอนนี้ โรงเรียนกำลังก่อสร้างอยู่ ความคืบหน้าก็รุดหน้าไปเร็วมาก มีแผนในการเปิดโรงเรียนอย่างไร แล้วก็เปิดในชั้นไหนบ้างนะครับ แล้วก็คำถามนี้ ผู้ปกครองอาจจะอยากทราบกันเยอะ ค่าเทอมเป็นอย่างไรบ้างครับอาจารย์
SS: การเปิดโรงเรียน จะเปิดในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2563 ก็คือ อีกประมาณเกือบปีหนึ่งนับจากนี้
ในปีแรก เราตั้งใจที่จะเปิดสอนระดับตั้งแต่ Pre-nursery หรือว่า 2 ขวบ จนกระทั่ง Year 6 หรือว่า ประมาณ 11 ขวบ ในปีแรก ส่วนปีที่ 2 ตอนนี้ก็ตั้งใจที่จะเปิดตั้งแต่ระดับชั้น Year 7 ถึง Year 9 เพราะฉะนั้น หลังจากนั้นก็จะทยอยเปิดจาก Year 9 ก็จะเป็น Year 10 11 12 13 ทีละปีในที่สุด

ปัจจุบันก็อยู่ในช่วงของการรับสมัคร แต่ว่า เมื่อรับสมัครเสร็จเรียบร้อยก็คงจะต้องมีการทำ Assessment หรือว่ามีการประเมิน อาจจะต้องประเมินทั้งเด็กด้วยว่าพร้อมไหม แล้วก็มีการพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง
ในส่วนของค่าเล่าเรียนนะครับต้องบอกว่า เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำที่มีอยู่ในประเทศไทย เชื่อว่าก็จะมีครอบครัวที่มีความพร้อม แล้วก็สามารถที่จะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ได้


TIF: ต้องเรียกได้ว่าอาจารย์ได้นำโอกาสจากอังกฤษมาถึงประเทศไทยแล้ว อยากให้อาจารย์เล่าต่อว่า ถ้าผู้ปกครองท่านไหนที่สนใจในสถาบันแห่งนี้ มีขั้นตอนในการดำเนินการ ในการหาความรู้เพิ่มเติมอย่างไร
SS: มีอยู่หลายอย่าง ข้อแรก สำหรับท่านที่สนใจ สามารถเข้าไปได้ที่ www.kingsbangkok.com ท่านไหนที่สนใจมากกว่านั้นก็สามารถจะไปลงทะเบียนแสดงความสนใจ หรือเรียกว่าทำ Registration of interest เวลาเรามีกิจกรรมอะไรหรือต้องการทำอะไร เราก็จะส่งข่าวส่งข้อมูลให้ท่านผู้ปกครอง หรือถ้าท่านไหนมีความตั้งใจแล้วว่าจะสมัคร สามารถสมัครทาง online ได้เลย หรือว่าท่านไหนยังต้องการสัมผัส สามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่ Admissions office ได้เลย ซึ่งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเลย
แล้วก็ประการสุดท้าย ถ้าเกิดท่านไหน มีความอยากรู้ลึก ๆ มากกว่านี้ ถามว่าจะมีกิจกรรมอะไรที่ให้เข้าไปรู้ได้ไหม มีครับ
วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคมนี้ เราจะมีการจัดงาน Meet the Heads เราก็จะเชิญครูใหญ่จากทางอังกฤษ บินมาที่กรุงเทพฯ แล้วก็ให้ครูใหญ่จากเมืองไทย ให้ Head of Pre-prep ได้มีโอกาสเล่าให้ผู้ปกครอง ให้พ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านได้ฟังถึงเรื่องราว ถึงที่มาที่ไป แล้วก็จะได้มีการพูดคุยตอบคำถามกัน

จัดที่โรงแรม แมริออท สุรวงศ์ เรียนเชิญครับ ท่านไหนที่สนใจ เข้าไปได้ในทุกทางตามที่บอกครับ
TIF: กลับมาที่คำถามสุดท้ายนะครับ ว่าในตัวของ King’s College International School Bangkok เองมีจิตวิญญาณที่น่าจะส่งตรงมาจากอังกฤษเลย นักเรียนที่นี่จบไปแล้ว เค้าจะได้รับอนาคตอะไรที่ต่างไป มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้น อย่างไรบ้างครับ
SS: เราต้องเน้นการสร้างความเป็นมนุษย์ให้กับนักเรียน มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่
นี่คือจุดที่เรามั่นใจว่า ถ้าเกิดคนเรามีจิตใจที่ยิ่งใหญ่จะสามารถพาตัวเรา พาลูกเรา พาสังคมของเราไปได้ไกลกว่า
เพราะฉะนั้น ผมจะกลับมาเน้นสิ่งที่เป็นพื้นฐาน ก็คือ ความเป็นมนุษย์ของผู้ปกครอง ของครู ของนักเรียน แล้วก็ของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นี่คือสภาพของ King’s College International School Bangkok ที่อยากให้เกิดขึ้นครับ //

ท่านที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการสำรองที่นั่งในงาน Meet the Heads ในวันที่ 6 ตุลาคม 2562 สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ตามปุ่มด้านล่างนี้ หรือโทร 02-295-4499
[Special Content]
Categories: Investment Articles, Special Content