Financial Markets Update

ลงทุนทั่วโลกอย่างมั่นใจกับ Citigold Offshore Investment

สงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจยังคงดำเนินต่อไป โดยยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ความไม่แน่นอนเชิงเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศเช่นนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว สังเกตได้จากการเติบโตของ GDP ในแต่ละภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ปี 2561 โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (AE; Advanced Economy) ที่คาดว่าจะมีการชะลอตัวมากกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (EM; Emerging Market) อีกทั้งภาคการค้าปลีกยังมีการเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560

(ที่มา: Citi Research Estimates, 26 มิ.ย. 2562)

ในด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยนอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ยังมีปัจจัยภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการลงทุนที่ชะลอตัวลง อีกทั้งภาคการส่งออกที่เป็นองค์ประกอบหลักของ GDP ไทยยังมีการเติบโตลดลงอีกด้วย

(ที่มา: Citi Research Estimates, 26 มิ.ย. 2562)

ในสถานการณ์เช่นนี้ การลงทุนเฉพาะในประเทศไทยหรือประเทศใดเพียงประเทศเดียว แม้ว่าจะมีการกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรมและหลายสินทรัพย์แล้วก็ตาม ยังไม่อาจช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสการลงทุนให้กว้างขวางขึ้นได้อีกด้วย

กระจายการลงทุนไปต่างประเทศไปกับ Citigold

Citigold คือบริการที่ปรึกษาการลงทุนจาก Citigroup กลุ่มธุรกิจการเงินระดับโลก ที่จะช่วยแนะนำการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ และบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการบริหารพอร์ตลงทุนด้วยหลักการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ในหลากหลายภูมิภาค (Diversification) ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังที่ Citigold แนะนำประกอบด้วย Income Strategy ที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ Investment Grade ซึ่งมีคุณภาพสูงและจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอ รวมถึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการแนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ (Low Volatility Strategy) เพื่อเป้าหมายพอร์ตเติบโตอย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังมีทางเลือกการลงทุนแบบกองทุนรวมแบบผสม หรือ Multi Asset ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะช่วยปรับพอร์ตการลงทุนให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์โลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยลูกค้าที่ใช้บริการ Citigold จะสามารถเข้าถึงการลงทุนโดยตรงกับบริษัทจัดการลงทุนชั้นนำของโลกถึง 11 แห่งได้แก่

  1. AllianceBernstein (Luxembourg) S.A.R.L.
  2. Allianz Global Investors
  3. BlackRock Global Funds
  4. Franklin Templeton Investments
  5. Invesco Asset Management
  6. JP Morgan Asset Management
  7. Legg Mason Global Asset Management
  8. PIMCO Global Advisors (Ireland) Limited
  9. Schroder Investment Management (Luxembourg) S.A
  10. UBS Fund Management (Luxembourg) S.A.
  11. Fidelity International

ทางเลือกการลงทุนของ Citigold จึงเพียบพร้อมด้วยกองทุนรวมระดับโลกที่มีจุดเด่นเฉพาะและความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของ Citigold ช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่เผชิญความเสี่ยงสูง จึงเน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้หรือหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำ หรือกองทุนรวมผสม เช่น

1. PIMCO GIS Income Fund

กองทุนรวมตราสารหนี้ โดยกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ (Government Bond) และเอกชน (Corporate Bond) ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ที่มีระดับน่าลงทุน (Investment Grade) หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นแต่ผลตอบแทนดีกว่า (High Yield) นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันอีกด้วย (Mortgage Back) อีกทั้งจะกระจายการลงทุนหลากหลายประเทศครอบคลุมทั้งประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) โดยเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอ และตราสารหนี้ที่มีโอกาสเติบโตในมูลค่า โดยยอมรับความผันผวนที่มากกว่าตราสารหนี้ Investment Grade ได้เล็กน้อยเพื่อโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และมีการลดสัดส่วนของตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงที่เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับกองทุน

โดยกองทุน PIMCO GIS Income ให้ผลตอบแทนช่วง 1 ปีล่าสุด 6.27% และผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด 4.74% ต่อปี (ที่มา: PIMCO, 31 ก.ค. 62)

2. Fidelity Global Dividend Fund

กองทุนรวมหุ้นที่กระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม ในหลายประเทศ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอและมั่นคง โดยอยู่ในราคาที่เหมาะสม และอาจมีโอกาสเติบโตทางมูลค่า อีกทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยง หุ้นที่เลือกจะต้องมีธุรกิจที่มั่นคง สามารถคาดการณ์ได้ในระดับหนึ่ง มีกระแสเงินสดที่ดี และมีสัดส่วนของหนี้สินต่อทรัพย์สินอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงเกินไป นอกจากนี้กองทุนนี้อาจมีการใช้ตราสารอนุพันธ์แทนการลงทุนในหุ้นโดยตรงได้ เพื่อบริหารความเสี่ยงและลดต้นทุนในการทำธุรกรรม ทั้งนี้ การใช้อนุพันธ์ยังคงอยู่ในกรอบของระดับความเสี่ยงของกองทุน

กองทุน Fidelity Global Dividend Fundให้ผลตอบแทนช่วง 1 ปีล่าสุด 7.9% และผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด 6.6% ต่อปี (ที่มา: Fidelity, 31 ก.ค. 62)

3. Allianz Income and Growth

กองทุนรวมผสม ซึ่งมีการกระจายลงทุนทั้งในหุ้น , ตราสารหนี้ความเสี่ยงสูง (High Yield) และหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond) ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งมีการยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าตราสารหนี้ปกติ เพื่อโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น กองทุนนี้มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและมั่นคงทุกเดือน

กองทุน Allianz Income and Growth ให้ผลตอบแทนช่วง 1 ปีล่าสุด 4.81% และผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด 9.22% ต่อปี (ที่มา: Allianz Global Investors, 30 มิ.ย. 62)

และนอกจากตัวเลือกการลงทุนที่ครอบคลุมทั่วโลกแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถติดตามพอร์ตการลงทุนได้ตลอดเวลาผ่านทาง Citibank Mobile Banking และสามารถวางแผนเป้าหมายการลงทุนของคุณได้ผ่านทางโปรแกรม Total Wealth Advisor จาก Citigold รวมถึงยังมีบริการผู้เชี่ยวชาญ (Relationship Manager) เป็นเพื่อนคู่คิดที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินอีกด้วย

เปิดบัญชี Citigold วันนี้ ดับเบิ้ลคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดสูงสุด 230,000 คะแนน*
ท่านใดที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ที่https://www.citibank.co.th/citigold  หรือ โทร.0-2081-0999

* การเปิดบัญชีลงทุนกับ Citigold ลูกค้าจะต้องมีเงินฝาก และ/หรือ การลงทุนกับธนาคารซิตี้แบงก์ รวม 5 ล้านบาทขึ้นไป
** ผลิตภัณฑ์การลงทุนของธนาคารซิตี้แบงก์ สาขาประเทศไทย ไม่ขายให้บุคคลอเมริกัน

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน · การลงทุนไม่ใช่ภาระหนี้สินหรือภาระค้ำประกันของธนาคาร · ไม่ใช่เป็นการฝากเงินกับธนาคารฯ · การลงทุนมีความเสี่ยงรวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียเงินลงทุน ·ราคาของหน่วยลงทุนอาจขึ้นหรือลงได้ · ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต · หน่วยลงทุนไม่สามารถขายให้บุคคลอเมริกัน

[Special Content]