24 มี.ค. 63 | แนวโน้ม SET Index และภาวะลงทุนรอบโลก
4 years ago
SET Index — บวก 9 จุด แต่แนวโน้มระยะสั้นยังเป็นขาลง เพราะลงมาไกลมาก วันนี้แค่ทำให้ใจชื่นขึ้น ส่วนแนวโน้มระยะกลางก็ยังคงเป็นขาลงมาตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 63 .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD และแถบสีเขียว (แนวโน้มดีต่อนักลงทุน)/สีแดง (แนวโน้มแย่ต่อนักลงทุน) ในกราฟ ทองคำ — ฟื้นแรง บวก $100 ใน 2 วัน แต่แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาลง เพราะ 2 สัปดาห์ก่อนลงมาแรง ค่าเงินบาทเทียบ USD — อ่อนค่าต่อเนื่องไปอยู่ที่ 32.76 THB/USD และแนวโน้มระยะกลางก็ยังเป็นฝั่งอ่อนค่ามาตั้งแต่ พ.ย. 62 การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ในภาพรวม ต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน โดยเป็นขายสุทธิแทบทุกวัน วันละหลักพันล้านบาท รอบ 6 เดือนล่าสุดขายสุทธิรวมกันมากกว่า 1.46 แสนล้านบาทแล้ว ราคาน้ำมันดิบ — เริ่มยืนได้ แต่ภาพรวมก็ยังลงมาแรง แนวโน้มยังเป็นขาลงแรงตามอุปสงค์การบริโภคพลังงานที่หายไป Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญ (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com / cnbc.com) — บวกแรงทั่วโลก เป็นช่วงที่บวกลบรายวันแบบรุนแรง ใครมือลั่นได้ขายหมูติดดอยกันเป็นว่าเล่น Snapshot ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก (ข้อมูลจาก cnbc.com) — กลับสู่ภาวะที่พอคาดการณ์ตามตำราได้บ้างแล้ว เมื่อหุ้นบวกแรง เงินก็ไหลออกจากพันธบัตร Market Yield เพิ่มขึ้น ราคาลดลง และเป็นช่วงที่ตลาดพันธบัตรผันผวนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศไทยบางกองมีขาดทุนติดกันหลายวัน .. โดยที่ ราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่ สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป
