Investment Articles

สรุปความเห็น Ben Bernanke อดีตประธาน FED เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกและมาตรการเยียวยาสถานการณ์ COVID-19

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 ที่่ผ่านมา Ben Bernanke อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) หรือ FED ได้ให้สัมภาษณ์ Brookings Institute เกี่ยวกับุมมองเศรษฐกิจและมาตรการภาครัฐ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ คลิปเต็มดูได้ทีนี่

(มี Eng Subtitle)

และสรุปประเด็นได้ดังนี้

1) หลายคนหลายคนนำสถานการณ์ตอนนี้ไปเทียบกับ the Great Depression เมื่อประมาณ 90 ปีก่อน แต่ Ben คิดว่ามันไม่ใช่การเทียบที่ดีเท่าไร เหตุการณ์ตอนนั้นลากยาว 12 ปีและเป็นวิกฤติการเงินที่เกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ส่วน COVID-19 คล้ายภัยธรรมชาติ และการเยียวยาก็เน้นแก้ปัญหาฉุกเฉิน ไม่ใช่มาตรการแก้เศรษฐกิจถดถอยแบบทั่วไป

2) เราอาจจะเห็นตัวเลข GDP สหรัฐฯ ติดลบ 30% ในไตรมาส 2/2020 (ด้าน Tradingeconomics.com คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/2020 จะติดลบ 5% และไตรมาส 2/2020 จะติดลบ 17%)

3) ตัวเลขชัด ๆ ต้องรอดูกันต่อไป แต่ระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจ จะขึ้นอยู่กับว่า สถานการณ์นี้จะลากยาวเท่าไร .. ยิ่งนาน ธุรกิจจะปิดตัวมากขึ้น คนจะตกงานมากขึ้น

4) ปัจจัยสำคัญสุดที่จะบอกได้ว่าสถานการณ์จะลากยาวแค่ไหน คือความคืบหน้าจากด้านสาธารณสุข ซึ่งการได้รับทรัพยากรอย่างเพียงพอ รวมถึงอุปกรณ์การแพทย์ ก็จะช่วยได้มาก

5) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Stimulus package) ไม่น่าจะช่วย เพราะผู้คนออกไปจับจ่ายไม่ได้มากนัก แต่สิ่งที่ช่วยได้คือการเยียวยาฉุกเฉิน (Emergency relief) ที่เน้นให้คนยังพอมีกินอยู่ได้ โดยเฉพาะกับคนรายได้น้อย และธุรกิจที่ขาดรายได้ ซึ่งมาตรการการคลัง 2 ล้านล้านเหรียญของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เน้นการเยียวยาฉุกเฉินอยู่แล้ว และเท่าที่ดู ก็จัดมาแบบใช้ได้ (pretty good)

6) ด้าน FED ก็จัด 3 มาตรการในการสนับสนุนระบบการเงิน ได้แก่

6.1) การสนับสนุนกลไกตลาดให้ทำงานได้และให้มีสภาพคล่องเพียงพอ เช่น การทำ QE .. ซึ่งส่วนนี้เป็นหน้าที่หลักของ FED ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1913

6.2) ดำเนินนโยบายการเงินโดยการลด FED Fund Rates อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของเอกชน แต่กว่าส่วนนี้จะเห็นผลชัด ก็ต้องให้วิกฤติในเชิงสุขภาพบรรเทาลงก่อน เพราะผู้คนคงไม่ซื้อบ้านซื้อรถ (ด้วยเงินกู้) ในช่วงนี้กันมากนัก

6.3) เข้าไปทำธุรกรรมในตลาดเครดิต (Credit market) ผ่านการให้กู้ยืมระยะสั้นแก่ธุรกิจ เพื่อให้มีกำลังซื้อวัตถุดิบและมีเงินทุนหมุนเวียน + สนับสนุนสภาพคล่องให้กองทุนรวมตลาดเงินที่มีที่ท่าจะถูกไถ่ถอนสูงขึ้น [ส่วนนี้คล้ายมาตรการของแบงก์ชาติไทยที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้] + เตรียมรับซื้อสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้มีความคล่องตัวขึ้น (ทำนองเหมือนการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ — Securitization — ที่มีธนาคารกลางเป็นผู้ซื้อหลักทรัพย์)

7) นอกจากนั้น FED ยังมีไพ่ใบพิเศษ คือการขอ activate กฎหมายปล่อยกู้โดยตรงให้ภาคเอกชนได้อย่างอิสระมากขึ้น (โดยจะมีการเรียกหลักประกันที่เหมาะสม) จากในภาวะปกติที่ FED ไม่มีอิสระในเรื่องนี้มากนัก

8) ด้านการช่วยเหลือ SME ทาง FED ก็มีมาตรการ Main Street Lending Program ซึ่งคือการรับซื้อสินเชื่อ SME จากสถาบันการเงิน เพื่อจูงใจให้สถาบันการเงินอยากปล่อยกู้ให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ

9) สถานการณ์ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบกับเกือบทุกประเทศทั่วโลก และหลายประเทศจำใจต้องชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยไปทั่วโลก (Global recession)

10) จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก เราได้เห็นผลกระทบต่อเนื่องคือราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง เงิน USD แข็งค่าขึ้น และเงินทุนไหลออกจากตลาดประเทศเกิดใหม่ (Capital outflows from emerging markets)

11) อย่างไรก็ดีในภาพรวม Ben ค่อนข้างพอใจ (Pretty pleased) กับมาตรการการเงินและการคลังของรัฐที่ได้ทำไปแล้ว แม้ในระยะต่อไปเราอาจจะต้องการมากขึ้น แต่เท่าที่ทำไปแล้วถือว่าได้ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจพอทำงานอยู่ได้ จนกว่าด้านสาธารณสุข (การตรวจ การรักษา การผลิตยา) จะมีความคืบหน้ามากขึ้น

แปลและเรียบเรียงโดย SJ@TIF 
– All translation rights reserved –