Financial Markets Update

28 เม.ย. 63| แนวโน้ม SET Index และภาวะลงทุนรอบโลก

  • SET Index — ปิดบวกอีก 7.58 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,275 จุด // แนวโน้มระยะสั้น — ยังคง เป็นขาขึ้นติดต่อกัน 24 วันทำการ (ตั้งแต่ระดับดัชนี 1,080 จุด) ซึ่งคือเกือบเต็มเดือนแล้ว // แนวโน้มระยะกลางพลิกเป็นขาขึ้นเช่นกัน และปิดต่อรายสัปดาห์ได้ติดต่อกัน 5 สัปดาห์แล้ว (ไม่รวมสัปดาห์นี้) หลังจากเป็นขาลงมาตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 .. โดยที่แนวโน้มขาลง/ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD และแถบสีเขียว (แนวโน้มดีต่อนักลงทุน)/สีแดง (แนวโน้มแย่ต่อนักลงทุน) ในกราฟ
  • การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ในภาพรวม ต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน ขายได้ขายดี หุ้นขึ้นก็ขาย หุ้นลงก็ขาย เฉพาะปีนี้ขายสุทธิมากกว่า 1.2 แสนล้านบาทแล้ว แต่วันนี้ขายสุทธิน้อยหน่อย หลักร้อยล้านบาท
  • ค่าเงินบาทเทียบ USD — ทรงตัวที่ 32.42 THB/USD แต่แนวโน้มระยะกลางยังคงเป็นฝั่งอ่อนค่ามาตั้งแต่ พ.ย. 62
  • ราคาน้ำมันดิบ — ยังติดลบต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 และโน้มยังเป็นขาลงตั้งแต่มกราคม 2563
  • ทองคำ — สัปดาห์นี้ทรงตัว แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น

  • Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญ (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com / cnbc.com) — ส่วนใหญ่บวก
  • Snapshot ตลาดตราสารหนี้ไทย (ข้อมูลจาก ThaiBMA.or.th) — ราคาปรับลดลงเล็กน้อย ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน .. โดยที่ ราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

  • สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
  • อ่านเพิ่มเติมเรื่อง MACD ได้ >> ที่นี่ (หลักการ) และ ที่นี่ (การดูแนวโน้ม)
  • ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป