Investment Articles

เปิดแนวคิดลงทุน สร้างกำไรใน TFEX ของประธานบริหาร EY และ ซีอีโอ Mudley Group

[Special Content]

นักลงทุนหลายท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า “TFEX” ผ่านหูกันมาบ้าง บางท่านอาจจะเคยเข้ามาซื้อขายแล้ว แต่บางท่านก็ยังกลัว ซึ่งความกลัวนั้นก็อาจจะมาจากความไม่รู้จักกลไกของตลาดนี้ หรือยังไม่เข้าใจประโยชน์ที่จะได้รับ ซึ่งการจะ “แก้กลัว” ก็หนีไม่พ้นการมีข้อมูลที่เพียงพอและได้รับทราบแนวคิดที่ถูกต้อง

หากเราเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจจะเข้ามาในตลาด TFEX แต่ยังกลัว หรือแม้แต่เป็นนักลงทุนที่เคยเข้ามาซื้อขายแล้วแต่ผลกำไรยังไม่สม่ำเสมอ ควรจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหนดี? งานสัมมนาออนไลน์พิเศษจาก TFEX นี้มีคำตอบ

ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 15 ของ TFEX จึงได้เกิดงานสัมมนาออนไลน์พิเศษในหัวข้อ “เปิดมุมมอง เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสสร้างกำไรใน TFEX” โดย TIF ได้สรุปแนวคิด ประเด็นที่น่าสนใจ และข้อมูลเบื้องลึก จากผู้เชี่ยวชาญในตลาด TFEX รวมถึงผู้ให้บริการโดยตรง ได้แก่

  • คุณทรงเดช ประดิษฐสมานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสำนักงาน อีวาย จำกัด และผู้คร่ำหวอดใน TFEX กว่า 14 ปี
  • คุณปณต จิตต์การุญ Chief Executive Officer ของ  Mudley Group และ Chief Investment Officer ของ Riccio Investment
  • ดร. รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)

ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจลงทุนหรือซื้อขายในตลาด TFEX เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเริ่มต้น เติบโต หรือใช้ประโยชน์จากตลาดนี้ได้อย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ส่วนสรุปเนื้อหาจากทั้ง 3 ท่านข้างต้น TIF ขอพาไปทำความรู้จักกับตลาด TFEX และผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซื้อขายในตลาดนี้กันในเบื้องต้นก่อน เพื่อให้สามารถอ่านบทความนี้ได้อย่างเข้าใจกันมากขึ้น

ทำรู้จักกับ TFEX และ สัญญาล่วงหน้า

สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว คงจะรู้จักคำว่า SET เป็นอย่างดี โดย SET หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีไว้เพื่อรองรับการซื้อขายหุ้นหลังจากผ่านช่วง IPO มาแล้ว หากเราอยากซื้อขายหุ้น ก็เป็นที่รู้กันว่าต้องซื้อขายผ่าน SET ส่วนตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Thailand Futures Exchange หรือ TFEX) ก็เป็นตลาดที่จัดตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการคล้ายกับ SET แต่ TFEX จะเป็นตลาดสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้ คือผลิตภัณฑ์ทางการเงินซึ่งไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่มูลค่าจะขึ้นอยู่กับสินค้าที่ถูกใช้อ้างอิง (Underlying Asset) ซึ่งสิ่งที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะไปอ้างอิง ก็มีตั้งแต่ หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตร ไปจนถึงอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ดัชนีทางการเงินต่างๆ

และนอกจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะอ้างอิงกับสินค้าได้หลากหลายแล้ว ลักษณะของสัญญาก็มีหลายประเภท ซึ่งในปัจจุบัน TFEX มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ 2 ประเภทให้เลือกซื้อขาย ได้แก่

1สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures) คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีภาระต้องทำตามที่ตกลงกันในสัญญา และปัจจุบัน TFEX มี Futures หลากหลายประเภท ทั้งที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้นไทย หุ้นรายตัว ทองคำ ยางพารา อัตราดอกเบี้ย และเงินตราต่างประเทศ

2. สัญญาออปชั่น (Options) คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ซื้อมีสิทธิตามสัญญา ซึ่งอาจจะใช้สิทธินั้นหรือไม่ก็ได้ แต่ผู้ขายมีภาระต้องทำตามสัญญาโดยมีค่าตอบแทนเป็นค่าขายสิทธิที่ได้จากผู้ซื้อ (ค่า Premium) ปัจจุบันใน TFEX มีออปชั่นหนึ่งประเภทคือ SET50 Index Options

แล้วเราจะใช้สัญญาล่วงหน้าในด้านไหนได้บ้าง?

เราสามารถใช้ประโยชน์จากสัญญาล่วงหน้าใน 2 ด้านหลัก ๆ ได้แก่

  1. ใช้เพื่อบริหารและป้องกันความเสี่ยง เช่น เราลงทุนในกองทุน SSF ที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนี SET50 Index ซึ่ง SSF นั้นจำเป็นต้องถือไม่น้อยกว่า 10 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิทางภาษี แต่หากช่วงใดช่วงหนึ่งใน 10 ปีนั้น เรามีมุมมองว่าตลาดหุ้นจะร่วงลง โดยปกติถ้าเป็นกองทุนหุ้นหรือหุ้นรายตัวทั่วไป เราสามารถขายไปก่อนเพื่อหาจังหวะซื้อใหม่ได้ แต่สำหรับ SSF หากขายก่อนกำหนด เราก็จะโดนค่าปรับทางภาษี โดยกลไกที่ TFEX จะเข้ามาช่วยได้คือ เราสามารถขาย (หรือที่เรียกว่า Short) SET50 Index Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนโดยที่ไม่ต้องกังวลกับ SSF ที่ขายไม่ได้ (ความจริงจะขายก็ได้ ถ้าพิจารณาแล้วคุ้มกับค่าปรับที่ต้องเผชิญ) และหาก SET50 Index ปรับตัวลดลงจริงตามที่คาดไว้ แม้เงินลงทุนใน SSF จะมีมูลค่าลดลง แต่เราจะได้กำไรจาก Futures ฝั่ง Short นั้นมาชดเชย ทำให้มูลค่าเงินลงทุนโดยรวมของเราจะลดลงน้อย หรือหากมีการ Short ไว้อย่างพอดี มูลค่าเงินลงทุนโดยรวมก็อาจไม่ลดลงเลย แม้ตลาดจะดิ่งลงไปเท่าไรก็ตาม
  2. ใช้เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไร เช่น หากเราคาดว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น เราก็สามารถทำการซื้อ (หรือที่เรียกว่า Long) SET50 Index Futures และหาก SET50 Index ปรับตัวสูงขึ้นจริงตามคาด มูลค่า SET50 Index Futures ก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ซื้อได้กำไร และที่สำคัญซึ่งไม่สามารถทำในกรณีถือหุ้นหรือกองทุนได้ นั่นก็คือ หากเราคาดว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาลง เราก็สามารถ Short SET50 Index Futures เอาไว้ ซึ่งต่อมาหาก SET50 Index ปรับตัวลดลงจริง เราก็จะได้กำไร แม้ภาวะตลาดจะเป็นขาลงก็ตาม แต่ทั้งนี้ การพิจารณาทิศทางตลาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นขาลง ต้องใช้ข้อมูลและความเชี่ยวชาญอื่น ๆ เพิ่มเติมไปจากการเข้าใจกลไกการทำงานของ Futures

จะเห็นได้ว่า การซื้อขายสัญญาล่วงหน้า ช่วยเปิดโอกาสในการบริหารความเสี่ยงและการสร้างผลกำไรในตลาดได้ทุกภาวะทั้งขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ดี การใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้ายังมีลักษณะเฉพาะอีกประการที่ต้องระมัดระวัง นั่นคือเรื่องของอัตราทด (Leverage) โดยเราสามารถใช้เม็ดเงินจำนวนน้อยในการรับผลประโยชน์จาก Underlying Asset ที่มีมูลค่าสูงกว่าหลายเท่าตัว เช่น สมมติเรา ซื้อ (Long) SET50 Index Futures จำนวน 1 สัญญา เราอาจจะใช้เงินวางหลักประกันไว้เพียง 30,000 กว่าบาท แต่การถือ SET50 Index Futures 1 สัญญานั้นจะเท่ากับการมี Underlying Asset เป็น 200 เท่าของระดับ SET50 Index กล่าวคือหาก SET50 Index อยู่ที่ระดับ 800 จุด หนึ่งสัญญาของ SET50 Index Futures จะมีมูลค่าถึง 160,000 บาท เท่ากับเรามี Leverage ถึง 5.33 เท่าเมื่อเทียบกับเงินที่วางลงไป ดังนั้น หากเราใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้อย่างเหมาะสม ก็เป็นโอกาสในการสร้างกำไรได้แบบทวีคูณ เช่น SET50 Index เพิ่มขึ้น 10% เราจะได้กำไร 53.33% (ยังไม่พิจารณาค่าธรรมเนียมต่าง ๆ) เมื่อเทียบกับเงินที่วางลงไป แต่ในทางกลับกัน หากภาวะตลาดไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้ เราก็อาจจะมีผลขาดทุนแบบทวีคูณเช่นกัน

เปิดมุมมองและเคล็ดลับวิธีการเอาตัวรอด จาก TFEX ของประธานกรรมการบริหาร สำนักงาน อีวาย

คุณทรงเดช ประดิษฐสมานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสำนักงาน อีวาย จำกัด (ชื่อเดิมคือ สำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง เป็นบริษัทสอบบัญชีชั้นนำระดับโลก) และผู้คร่ำหวอดในตลาด TFEX กว่า 14 ปี ได้ให้มุมมองไว้ว่า

“สถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนใน TFEX แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ 1. การเก็งกำไรแบบสูงมาก ๆ กับ 2. การลงทุนแบบหาผลตอบแทนตามภาวะเศรษฐกิจ โดยการลงทุนในแบบหลังนี้น่าจะเหมาะสมมากกว่า นักลงทุนที่ดีจะหนีการพนัน จะสามารถยับยั้งตัวเองไว้ได้ หากทำได้แบบนี้จะช่วยด้านการลงทุนได้มาก ถ้าเรามองว่าเป็นการพนันแล้วก็ควรหยุดไว้ดีกว่า  อย่างหลายคนก็ขาดทุนไปเยอะ เพราะเขาไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงมากเท่าที่ควร อีกทั้งการลงทุนใน TFEX ควรเป็นการกำหนดกลยุทธ์ในระยะยาวมากกว่าจะเทรดวันต่อวัน”

โดยคุณทรงเดชจะใช้หลักด้านเศรษฐศาสตร์ มองเศรษฐกิจมหภาคมากกว่า เพราะการเทรดโดยใช้กราฟเทคนิค อาจจะไม่ใช่แนวทางที่ถนัด และมองว่ามีความเสี่ยงสูง ซึ่งถ้าหากไม่เป็นไปตามที่หวัง การขาดทุนก็สามารถเกิดขึ้นได้และมีโอกาสเสียหายสูงด้วย

สำหรับเทคนิคการเทรด TFEX คุณทรงเดชได้ให้แนวทางส่วนตัวไว้ว่า “จะเลือกลงทุนใน Futures ที่ครบกำหนดในไตรมาสถัดไป และเราต้องวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจ โอกาสจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร อย่างเมื่อต้นปีนี้ที่ตลาดหุ้นตกมา 30% แล้วไต่กลับมา 20% เพราะ COVID-19 ต้องถามว่า COVID-19 จะน่ากังวลขนาดไหน อย่างปีนี้อาจจะได้รับผลกระทบเยอะ แต่ในปีถัดไป การเติบโตของเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน ต้องมองเป็นเรื่องของการลงทุนและภาพรวมขนาดใหญ่ ถ้าทำแบบนี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จจากการลงทุนอย่างแน่นอน”

เทรด TFEX อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ผ่านมุมมอง Mudley Group CEO และ Riccio Investment CIO

สิ่งสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนที่เข้ามาเทรดในตลาด TFEX ประสบความสำเร็จนั้น ก็คือการวางกลยุทธ์ซื้อขายที่เหมาะสม ไม่เน้นเก็งกำไรมากเกินไป แต่ให้เน้นแนวคิดการป้องกันความเสี่ยงด้วย โดยคุณปณต  จิตต์การุญ Chief Executive Officer ของ Mudley Group และ Chief Investment Officer ของ Riccio Investment ซึ่งเป็น Hedge Fund ที่มีประสบการณ์เทรดทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเทรด TFEX ว่า “สิ่งที่นักลงทุนจำเป็นต้องตระหนักเป็นสิ่งแรก ๆ หากอยากจะอยู่รอดในตลาด TFEX ได้ ก็คือ การรู้จักผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเทรดอย่างแท้จริง และรู้จักใช้กลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม โดยจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด คือเราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐาน รู้จักสัญญาล่วงหน้าที่เราจะเทรดว่าสิ่งนั้นคืออะไร ใช้เพื่ออะไร สินค้าไหนที่ใช้อ้างอิง

อย่างสัญญาซื้อขายช่วงหน้า หรือ Futures นักลงทุนต้องรู้ว่า Futures ตัวนั้นอ้างอิงกับสินค้าอะไร เช่น SET50 Futures คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 สัญญามีวันหมดอายุเมื่อไหร่ และชำระราคาที่เท่าไหร่

หลังจากเราทำความรู้จักมันดีแล้ว ก็ต้องเลือกใช้รูปแบบการเทรดให้เหมาะสมในแต่ละประเภทของสัญญาล่วงหน้า อย่างการเทรด Futures เราต้องมองที่มูลค่าสัญญาที่แท้จริงว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ ไม่ควรดูเฉพาะเงินที่เราวางหลังประกัน (มาร์จิ้น) ไว้ เพราะเวลาเราเทรดแล้วเกิดความเสียหาย เราจะได้รับผลกระทบตามมูลค่าสัญญาที่แท้จริงไม่ใช่มูลค่าเงินที่เราวางมาร์จิ้นไว้กับโบรกเกอร์ นอกจากนั้น ควรเริ่มเทรดแบบที่ไม่เสี่ยงให้เป็นก่อนและใช้เงินลงทุนเท่าที่ตัวเองมี ส่วนในตลาด Option คุณปณตมองว่าเป็นเรื่องของการทำประกันภัยและช่วยป้องกันความเสียหายให้กับพอร์ตมากกว่า ไม่ใช่การเข้าไปเก็งกำไร”

สำหรับเทคนิคการเทรด TFEX คุณปณตได้ให้แนวทางส่วนตัวไว้ว่า “เราต้องวางแผนทุกครั้งก่อนเทรด คือไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ตาม ต้องมองว่าหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้ เราจะทำอะไรต่อไป เพราะถ้ายังไม่มีคำตอบ แสดงว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง รวมถึงต้องรู้จักทำประกันให้พอร์ตลงทุนด้วย อย่างเช่น ทุกครั้งเมื่อมีกำไร จะแบ่งเงินออกมา 30% เพื่อมาซื้อประกันให้พอร์ตลงทุนเสมอ นอกจากนั้น เราต้องเข้าใจตลาดให้จริง และเมื่อลงทุนแล้วเราต้องดึงทุนกลับมาให้ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ช่วงนี้เงินของเรามีความสำคัญสูงมาก อย่าเสี่ยงโดยไม่มีความรู้ ทุกคนสามารถทำได้ แต่ต้องอดทนในการหาความรู้ รู้จักฝึกฝน และลงทุนด้วยเงินที่เราพร้อมจะเสี่ยงและจะสร้างความเดือดร้อนให้เราน้อยที่สุด”

TFEX ก้าวสู่ปีที่ 15 กับการเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนไทย

ในงานสัมมนาออนไลน์นี้ ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ TFEX ได้ให้ข้อมูลเจาะลึกว่า ตลาด TFEX เริ่มเปิดซื้อขายเมื่อปี 2549 ปัจจุบันมีอายุ 14 ปี และย่างเข้าสู่ปีที่ 15 และหากย้อนกลับไปดู 14 ปีที่ผ่านมา ตลาด TFEX ก็ได้พัฒนามาอย่างมากมาย โดยในปีแรกที่เปิดให้ซื้อขาย ตลาด TFEX มีสถานะคงค้าง หรือ Open Interest (ซึ่งสะท้อนถึงขนาดของตลาด) เพียงประมาณ 7,000 สัญญา และซื้อขายเฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 1,000 สัญญาเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันมีสถานะคงค้าง (Open Interest) สูงถึงประมาณ 1.5 ล้านสัญญา และซื้อขายเฉลี่ยวันละประมาณ 594,000 สัญญา

และเพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ปีที่ 15 อย่างมั่นคง TFEX ได้มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเป็นทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงและลดความผันผวนของสินทรัพย์อ้างอิง ตลอดจนเสริมการให้ความรู้ผ่านสื่อดิจิทัล และปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้มีความสอดคล้องกับสากลและคล่องตัวมากขึ้น เพื่อให้ก้าวต่อไปของ TFEX เป็นก้าวที่มั่นคงภายใต้ความผันผวนโลก

งานสัมมนาออนไลน์พิเศษจาก TFEX ครั้งนี้ ยังมีหัวข้อและเนื้อหาอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งสามารถรับชมย้อนหลังแบบเต็ม ๆ ได้ที่นี่