28 พ.ค. 63 | แนวโน้ม SET Index และภาวะลงทุนรอบโลก

By Author on 28 May 2020

SET Index — ปิดลบ 7.6 จุด มาอยู่ที่ 1,337.51 จุด // แนวโน้มระยะสั้น — ยังคงเป็นขาขึ้น ตั้งแต่ 11 พ.ค. 63 // แนวโน้มระยะกลาง — ยังคงเป็นขาขึ้นเช่นกัน ติดต่อกันได้ 6 สัปดาห์ ตั้งแต่ 24 เม.ย. 63 // แนวโน้มขาลง & ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD และแถบสีเขียว (แนวโน้มดีต่อนักลงทุน)/สีแดง (แนวโน้มแย่ต่อนักลงทุน) ในกราฟด้านล่างนี้

การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ในภาพรวม ต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน ขายได้ขายดี หุ้นขึ้นก็ขาย หุ้นลงก็ขาย เฉพาะปีนี้ขายสุทธิมากกว่า 1.8 แสนล้านบาทแล้ว แต่วันนี้ขายสุทธิไม่มาก แค่ 763 ล้านบาท ส่วนภาพรวมประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นไปตามรูปด้านล่างนี้

(กราฟสีเหลืองคือยอดซือขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ)

ค่าเงินบาทเทียบ USD — ทรงตัวที่ 31.85 THB/USD แนวโน้มระยะกลางยังเป็นฝั่งแข็งค่า
ราคาน้ำมันดิบ — ทรงตัวที่ระดับ 34.28 USD/bbl แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาขึ้น
ทองคำ — ย่อจากสัปดาห์ก่อน แต่แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่

Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญ ค่ำนี้ (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com / cnbc.com) — บวกเกือบทุกตลาดทั่วโลก

Snapshot ตลาดตราสารหนี้ไทย (ข้อมูลจาก ThaiBMA.or.th) — ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ราคาติดลบ ซึ่งจะสะท้อนไปยังราคากองทุนตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง .. โดยที่ ราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง MACD ได้ >> ที่นี่ (หลักการ) และ ที่นี่ (การดูแนวโน้ม)
ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป