บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ “SPI” Holding Company หลักของกลุ่มสหพัฒน์ เพิ่งปิดดีลเสนอขายหุ้นกู้ 4 รุ่น ยอดรวมกัน 5,000 ล้านบาท ซึ่งในภาพรวมมีนักลงทุนจองล้น 5 เท่า และบางรุ่นมียอดจองล้น 11 เท่า ในภาวะที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังกังวลกับตลาดตราสารหนี้
[ Special Content by TIF ]
ย้อนดูภาวะตลาดตราสารหนี้ช่วงครึ่งแรกของปี 2563
ตั้งแต่กลางปี 2562 เป็นต้นมาจนถึงกลางเดือนมีนาคม 2563 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 1.75% ต่อปี มาอยู่ในระดับ 1.00% ต่อปี ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ทวีความน่ากังวลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

และเมื่อเข้าช่วงกลางเดือนมี.ค. 63 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดการเงินโลกปั่นป่วนสูงสุด อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงของไทยเอง ก็ผันผวนตามไปด้วย ในระดับที่สูงกว่าปกติมาก จนเป็นผลให้กองทุนตราสารหนี้ในประเทศไทยหลายกองเกิดการไถ่ถอน (ขายคืนให้ บลจ.) ในปริมาณสูง จนถึงกับต้องปิดตัวลง

โดยหลังจากนั้น ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการสนับสนุนตลาดตราสารหนี้ รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงินก็ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้ง มาอยู่ที่ระดับ 0.50% ต่อปีในปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายเดือน พ.ค. 63 เกิดกรณีบางบริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงิน ถึงขนาดต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เป็นผลให้เกิดการระงับชำระหนี้ทั้งหมดอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งรวมถึงหนี้หุ้นกู้ด้วย ทำให้กองทุนรวมตราสารหนี้หลายกองที่มีการลงทุนในหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องทำการ Set Aside แยกหุ้นกู้ส่วนนี้ออกไปจากส่วนปกติ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อย ยิ่งมีความกังวลต่อภาวะตลาดตราสารหนี้มากขึ้น
SPI แสดงศักยภาพ สวนอารมณ์ตลาด ออกหุ้นกู้ 4 รุ่น ยอดรวม 5,000 ล้านบาท
แม้ตลาดการเงินโดยรวม โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ ยังคงมีความกังวลอยู่ในหมู่นักลงทุน แต่ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI จึงเห็นเป็นโอกาสในการออกหุ้นกู้รอบใหม่ เพื่อตอกย้ำเครดิตทางการเงินที่แข็งแกร่งของกลุ่มสหพัฒน์ พร้อมช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตลาดการเงินการระดมทุน และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจไทยแม้ในช่วงวิกฤต
โดยการออกหุ้นกู้รอบนี้ SPI แบ่งเป็น 4 รุ่น (หรือศัพท์ในวงการจะเรียกว่า 4 tranch) รายละเอียดดังนี้

ซึ่งผลการเสนอขายปรากฎว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยคุณวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SPI ได้กล่าวว่า
“บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ท่ามกลางสภาพตลาดเงินที่มีความผันผวนมากกว่าปกติ การให้ข้อมูลแก่นักลงทุนก็ทำในรูปแบบ e-Roadshow ผ่านทาง VDO Conference โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 5 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดที่เสนอขาย หรือเกือบสามหมื่นล้านบาท และ ในบางรุ่น มีมูลค่าถึง 11 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อธุรกิจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และ/หรือ เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินตามความเหมาะสม”

วิเคราะห์ 4 สาเหตุนักลงทุนจองหุ้นกู้ SPI ล้น 5 เท่า
1) SPI คือเสาหลักด้านการลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
SPI ก่อตั้งในปี 2515 มีสถานะเป็น Holding Company หลักของกลุ่มสหพัฒน์ มีการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ ทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภค กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นิคมอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้า ทำให้สถานะการลงทุนโดยรวมมีความเสี่ยงต่ำ และธุรกิจส่วนใหญ่มีตราสินค้าเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนานในสังคมไทย โดยหลายบริษัทที่ SPI ลงทุนในสัดส่วนสูง เป็นบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย เช่น บมจ. สหพัฒนพิบูล (SPC) บมจ. บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (ICC) บมจ. ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA) บมจ. ไทยวาโก้ (WACOAL) บมจ. สหโคเจน (ชลบุรี) (SCG)
ส่วนการร่วมธุรกิจกับพันธมิตรต่างชาติ ก็ล้วนแต่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งหลายแห่งก็เป็นที่รู้จักดีของคนไทย เช่น WACOAL, LION, SECOM, ASAHI KASEI, TORAY, TOKYU, TOYOBO, KEWPIE, SEINO, Samsung Electronics, Samsung Life Insurance, DONKI, TSURUHA, DAISO, LAWSON, KOMEHYO, Mitsubishi Corporation, ITOCHU, MITSUI, Marubeni, Sojitz, SHISEIDO




2) SPI มีประวัติความสำเร็จในการออกหุ้นกู้
ก่อนหน้าที่ SPI จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในรอบนี้ ก็มีได้การออกหุ้นกู้ 3 รุ่น ไปครั้งหนึ่งแล้วในปี 2560 แบ่งเป็นหุ้นกู้ปกติ 2 รุ่น มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท (ซึ่งในกลุ่มนี้ มีหนึ่งรุ่นมูลค่า 1,000 ล้านบาทเพิ่งครบกำหนดไถ่ถอนคืนเงินต้นอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ไปเมื่อเดือน ก.พ. 63 ที่ผ่านมา) และหุ้นกู้แปลงสภาพ (เป็นหุ้นสามัญ) 1 รุ่น มูลค่า 3,505 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดคงเหลือเพียง 1.9 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้นสามัญของ SPI ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นสูงหลายเท่าตัวตั้งแต่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าว นักลงทุนจึงทยอยแปลงสภาพกันเป็นส่วนใหญ่ และต่างก็ได้กำไรเป็นจำนวนมาก
ซึ่งการออกหุ้นกู้แปลงสภาพในครั้งนั้น ยังทำให้ SPI ได้รับรางวัล “ตราสารหนี้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2560” (Best Bond Award 2017) ประเภท Most Innovative Deal จากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยอีกด้วย

3) SPI มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมี Credit Rating ระดับสูงมาก

และทางด้าน TRIS Rating ได้จัดอันดับเครดิตของ SPI ไว้ที่ “AA” ซึ่งอยู่ในระดับสูงมาก (เป็นรองเพียง AAA และ AA+ เท่านั้น) และมีแนวโน้ม “Stable” (มีเสถียรภาพ) ซึ่งเหตุผลหลักของ TRIS Rating คือ
“เป็นโฮลดิ้งหลักของกลุ่มสหพัฒน์ ตลอดจนการลงทุนที่หลากหลายในบริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคภายในกลุ่มสหพัฒน์ และการมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการมีรายได้จากเงินปันผล (ที่ SPI ได้รับจากการลงทุน) อย่างสม่ำเสมอ นโยบายทางธุรกิจที่ระมัดระวัง และความยืดหยุ่นทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัท”

4) SPI เสนอขายหุ้นกู้รอบนี้ได้ถูกจังหวะความต้องการนักลงทุน
ไม่ว่าจะในภาวะที่ตลาดผันผวนหรือภาวะปกติทั่วไป นักลงทุนรายใหญ่โดยเฉพาะฝั่งสถาบัน จะมีความต้องการลงทุนอยู่เสมอ ส่วนหนึ่งอาจมาจากอุปสงค์ของลูกค้าสถาบันนั้นอีกต่อหนึ่ง เช่น บลจ. และอีกส่วนคือความจำเป็นในการ Re-invest ตราสารหนี้เดิมที่ครบกำหนด เช่น บริษัทประกัน
ในภาวะที่ความเชื่อมั่นโดยรวมในตลาดตราสารหนี้อาจยังเป็นที่กังวล หุ้นกู้คุณภาพสูงที่ออกโดยบริษัทชั้นนำ จึงเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า
“หุ้นกู้ที่ได้รับเรทติ้งระดับ “AA” ในช่วงภาวะวิกฤต COVID-19 มีไม่มาก SPI มีผลประกอบการดีมาโดยตลอด ประกอบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อทีมงานผู้บริหารรุ่นใหม่ซึ่งพิสูจน์ความสำเร็จมามากมายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการทำดีลซื้อและควบรวมกิจการในช่วงระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยผู้บริหารเน้นย้ำเสมอว่าจะไม่สร้างหนี้เกินตัว การลงทุนนี้จึงเปรียบเสมือนกับ Safe haven ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณค่า เช่น ทองคำ หากแตกต่างกันก็ตรงที่ผลตอบแทนแน่นอนสม่ำเสมอ”
(ที่มา: Press Release ของ SPI ณ 25 มิ.ย. 63)
ผลสรุปภาพรวมของการออกหุ้นกู้รอบนี้ของ SPI จึงช่วยตอกย้ำว่า ดีลการลงทุนที่มีคุณภาพสูง ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ และการที่ SPI ตัดสินใจเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงนี้ นอกจากบริษัทเองจะได้ “ล็อคต้นทุน” ในระดับต่ำมากเป็นประวัติการณ์แล้ว (เมื่อพิจารณาจากระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) ยังเป็นการสนับสนุนตลาดการเงินและตลาดตราสารหนี้โดยรวม ในจังหวะที่ “ความเชื่อมั่น” เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องการอย่างสูง
ส่วนผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ SPI และเป็นนักลงทุนในกลุ่ม II&HNW แต่พลาดการจองซื้อในตลาดแรก ต้องไม่ลืมว่าท่านยังสามารถหาซื้อได้ใน “ตลาดรอง” โดยสามารถติดต่อไปยังสถาบันการเงินที่ให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ ซึ่งก็มีทั้งธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ หลายแห่ง
บทความโดย SJ@TIF, Ex-SPI’s Head of Investment
Categories: Investment Articles, Knowledge Resources, Special Content