Financial Markets Update

14 ส.ค. 63 | แนวโน้ม SET Index และภาวะลงทุนรอบโลก

SET Index — ปิดลบ 19.64 จุด ลงมาอยู่ที่ระดับ 1,327.05 จุด // แนวโน้มระยะสั้น ยังคงเป็นขาขึ้นได้อยู่ แบบอ่อนแรง // แนวโน้มระยะกลาง — ยังเป็นขาขึ้นได้อยู่ ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 17 ตั้งแต่ 24 เม.ย. 63 ใครที่เข้าซื้อตั้งแต่ช่วงนั้นก็ยังมีกำไรพอสมควร ประมาณ 70 จุด แบบยังไม่รวมปันผล // แนวโน้มขาลง & ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD และแถบสีเขียว (แนวโน้มดีต่อนักลงทุน)/สีแดง (แนวโน้มแย่ต่อนักลงทุน) ในกราฟด้านล่างนี้

  • การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ในภาพรวม ต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งเฉพาะปีนี้ ขายสุทธิรวมกันประมาณ 2.2 แสนล้านบาทแล้ว และวันนี้เป็นฝั่งขายสุทธิอีก 3.3 พันล้านบาท
  • ค่าเงินบาทเทียบ USD — ทรงตัวที่ระดับ 31.15 THB/USD แนวโน้มยังเป็นด้านอ่อนค่า
  • ทองคำ — ย่อแรงลงมาอยู่ที่ $1,950 แต่ก่อนหน้านี้บวกต่อเนื่องมา 9 สัปดาห์ ทำให้แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่
  • ราคาน้ำมันดิบ — ทรงตัวที่ 44.90 USD/bbl แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 63

  • Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญ คืนนี้ (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com / cnbc.com) — บวกลบผสมกัน
  • snapshot ตลาดตราสารหนี้ไทย (ข้อมูลจาก ThaiBMA.or.th) — ราคาตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ลบเล็กน้อย ซึ่งจะสะท้อนไปยังราคากองทุนตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง .. โดยที่ ราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

บอกกล่าว

  • สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
  • อ่านเพิ่มเติมเรื่อง MACD ได้ >> ที่นี่ (หลักการ) และ ที่นี่ (การดูแนวโน้ม)
  • ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป