Financial Markets Update

เจาะว่าที่หุ้นธุรกิจอสังหาฯ น้องใหม่กับ SA หรือ ไซมิส แอสเสท

ในปัจจุบัน เทรนด์ Urbanization หรือ การขยายตัวของเมืองใหญ่เริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยประชากรในหลายประเทศเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่กันมากขึ้น ประเทศไทยเองก็เช่นกัน แม้ว่าเราจะได้เห็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่เริ่มกระจายตัวไปยังหัวเมืองรองต่าง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ก็ยังเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ผู้คนเลือกที่จะย้ายถิ่นฐานเข้ามา เพื่อโอกาสที่จะได้รับคุณภาพชีวิต การศึกษา และหน้าที่การงานที่ดีขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจากการขยายตัวของประชากรในเมือง ก็คือ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากเราเป็นนักลงทุนที่กำลังมองหากลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นธุรกิจที่เราไม่ควรจะมองข้าม อีกทั้งยังสอดรับกับเทรนด์ Urbanization ได้เป็นอย่างดี

เร็ว ๆ นี้ ก็กำลังมีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อย่าง SA หรือ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เตรียมที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อระดมทุนมาใช้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต มุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย

SA ประกอบธุรกิจหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” โดย SA จะเน้นการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในทำเลที่มีศักยภาพใจกลางเมือง ซึ่งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD) รวมถึงตามเส้นทางระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ เช่น รถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดินในเขตกรุงเทพมหานคร รวมถึงบริษัทยังให้ความสำคัญกับการออกแบบและก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและมาตรฐานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

โดยปัจจุบัน SA เปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายไปแล้วกว่า 20 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูง ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมประเภท High Rise และ Low Rise จำนวน 16 โครงการ และ (2) โครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ได้แก่ โครงการทาวน์โฮม    โฮมออฟฟิศ และบ้านจัดสรร จำนวน 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 46,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่30 กันยายน 2563) นอกจากนี้ SA ยังให้บริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น การให้บริการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดแบบครบวงจร เป็นต้น

เจาะลึกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ SA

1. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย

ถือเป็นธุรกิจหลักของ SA ในปัจจุบัน โดยนับตั้งแต่ SA เริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแรก (Siamese Gioia) ในปี 2554 SA ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านการก่อสร้าง รวมถึงเทคนิคด้านการออกแบบและการก่อสร้าง เพื่อมาใช้ในการพัฒนาโครงการอื่น ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงการที่ออกมาของ SA ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1.1 โครงการคอนโดมิเนียม

นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการแรก SA ก็ได้เปิดตัวและพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 โครงการ ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 SA ได้พัฒนาโครงการประเภทคอนโดมีเนียมไปแล้ว 16 โครงการ โดยแบ่งเป็น (1) โครงการที่ปิดไปแล้ว 6 โครงการ (2) โครงการที่อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ 6โครงการ (3) โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและการขาย 1 โครงการ และ (4) โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา 3 โครงการ มูลค่ารวมโครงการทั้งสิ้นกว่า 43,000 ล้านบาท

/1 มูลค่าโครงการ ประกอบด้วย มูลค่าห้องชุดส่วนที่จำหน่าย และส่วนที่ถือกรรมสิทธิ์โดยบริษัท
/2 มูลค่ารอโอนกรรมสิทธิ์ หมายยถึง มูลค่าห้องชุดตำมสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว หรือห้องชุดที่มีสัญญาจองซื้อแล้ว
/3 สำหรับโครงกำรอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ปิดโครงกำรแล้ว บริษัทยังคงถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการบางส่วนเพื่อให้เช่าหรือบริการ
/4 ระยะเวลาที่คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์สำหรับห้องชุดที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว

นอกจากนี้ SA ยังได้เริ่มพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ซึ่งเป็นธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย ประเภทโครงการคอนโดมิเนียม โดยนำบริการของโรงแรมชั้นนำที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ เข้ามาให้บริการภายในโครงการที่พักอาศัย ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้า ทั้งกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง โดยตัวโครงการก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามมาตรฐานของโรงแรม เช่น บริการอาหารและเครื่องดื่มภายในห้องพัก บริการทำความสะอาดห้องพัก และบริการซักรีด รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักลงทุน ซึ่งต้องการผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า โดยโครงการสามารถนำเสนอห้องชุดเพื่อเช่าพร้อมบริการในระดับโรงแรมที่มีอยู่ในโครงการ จึงทำให้หาผู้เช่าได้ง่ายขึ้น และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้มากขึ้น ผ่านลักษณะและจุดเด่นที่แตกต่างจากโครงการอื่น ๆ

ทั้งนี้ SA ได้เริ่มพัฒนาโครงการรูปแบบ Branded Residence ในโครงการ Siamese Exclusive Queens เป็นโครงการแรก ภายใต้แบรนด์ Wyndham รวมถึงยังได้ทำการ Re-Branding โครงการคอนโดมิเนียมอื่นที่มีบริการ Branded Residence เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ การให้บริการแบบโรงแรมตามมาตรฐานระดับโลกของแบรนด์ที่ใช้ในการบริหารโครงการ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการและสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยปัจจุบัน SA มีโครงการรูปแบบ Branded Residence ทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่

1.2 โครงการแนวราบ

ตั้งแต่ปี 2556 บริษัทได้ขยายสู่การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ภายใต้ชื่อโครงการ Siamese Blossom @ Fashion ซึ่งประกอบด้วย โครงการทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และบ้านจัดสรร และโครงการ Siamese Kin ซึ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร ระดับ High End บริเวณถนนรามอินทรา รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 2,500 ล้านบาท

/1 มูลค่าโครงการ ประกอบด้วย มูลค่าห้องชุดส่วนที่จำหน่าย และส่วนที่ถือกรรมสิทธิ์โดยบริษัท
/2 มูลค่ารอโอนกรรมสิทธิ์ หมายยถึง มูลค่าห้องชุดตำมสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว หรือห้องชุดที่มีสัญญาจองซื้อแล้ว
/3 สำหรับโครงกำรอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ปิดโครงกำรแล้ว บริษัทยังคงถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการบางส่วนเพื่อให้เช่าหรือบริการ
/4 ระยะเวลาที่คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์สำหรับห้องชุดที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว

2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า

โดย SA ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าที่สามารถสร้างรายได้ประจำและต่อเนื่อง (Recurring Income) เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบัน โดยทุกโครงการของ SA จะแบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ โดย SA จะคัดเลือกผู้เช่าที่สามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการให้ได้มากที่สุด เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) เป็นต้น สำหรับพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ในโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในปัจจุบัน จะประกอบไปด้วย (1) พื้นที่สำนักงานให้เช่า และ (2) พื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชยกรรมอื่น ๆ เช่น พื้นที่ครัวกลางให้เช่าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ หรือ Cloud Kitchen ภายใต้ชื่อ Bizzie Dish (“บิซซี่ ดิช”) ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ Blossom Condo @ Sathorn-Charoenrat ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหารเข้าเช่าพื้นที่แล้วกว่า 10 ราย โดย SA จะคิดค่าเช่าในรูปแบบส่วนแบ่งกำไร (Gross Profit Sharing)

ตัวอย่างโครงการที่มีอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า
3. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้บริการ

เพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนจากรายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย และเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้มากขึ้น SA ได้จัดสรรพื้นที่บางส่วนของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อสร้างเป็นอาคารโรงแรมด้านหน้า เพื่อให้บริการห้องพักแบบมีบริการแก่บุคคลภายนอก ทั้งนี้ ในส่วนของอาคารโรงแรม SA ได้มีการพัฒนารูปแบบส่วนอาคารให้อยู่เฉพาะด้านหน้า ซึ่งติดกับถนนใหญ่ เพื่อลดผลกระทบหรือข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้พักอาศัยภายในโครงการและผู้เช่าห้องพักจากภายนอก

ตัวอย่างโครงการที่มีอาคารด้านหน้าเป็นโรงแรม

สถานะของการพัฒนาโครงการเฉพาะส่วนของห้องพักแบบ โรงแรม ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ดังนี้

นอกจากนี้ SA ยังได้นำห้องชุดบางส่วนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่แล้วมาปรับรูปแบบห้องพักในโรงแรมหรือเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์ (Serviced Residence) เพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าและบริการ ในช่วงที่ยอดขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว โดยปัจจุบัน SA ได้เปิดให้บริการห้องพักแบบเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์ ผ่านโครงการ Blossom Condo @ Fashion Beyond บริเวณถนนรามอินทรา ซึ่งได้จัดสรรห้องชุด 154 ยูนิต จาก 453 ยูนิต มาพัฒนาและให้บริการในรูปแบบโรงแรม 3 ดาว ภายใต้แบรนด์ Q-Box

รวมทั้ง SA ยังมีโครงการ Wyndham Residence โครงการ Wyndham Garden Residence และโครงการ Ramada Residence ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาห้องพักในรูปแบบเซอร์วิสเรสซิเด้นซ์ อีกด้วย

ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 การพัฒนาห้องพักเพื่อการบริการประเภทดังกล่าวมีความคืบหน้าของแต่ละโครงการ ดังนี้

4. ธุรกิจอื่น ๆ

SA ได้เริ่มดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งปัจจุบัน มีธุรกิจร้านกาแฟ ภายใต้แบรนด์ “Kafeology” จำนวน 4 สาขาภายในโครงการของบริษัท รวมถึงการพัฒนาร้านอาหารรสเมรี (Rosemary) รองรับลูกค้าที่ใช้บริการโรงแรม Q-Box Hotel Bangkok Blossom นอกจากนี้ SA ยังได้เริ่มพัฒนาห้องอาหารแห่งแรกภายในโครงการ Wyndham Residence ภายใต้ชื่อ ห้องอาหาร Marie Guimar ตั้งอยู่บนชั้น 28ให้บริการอาหารประเภท Traditional Thai Food Fine Dinning และห้องอาหาร Falcon Secret Bar ตั้งอยู่บนชั้น 34 โดยให้บริการเครื่องดื่มทุกประเภทอีกด้วย

ด้านฐานะทางการเงินของบริษัท

ที่มา: Siamese Asset

ในปี 2563 SA มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 13,496.3 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์หลักที่สำคัญของบริษัท ได้แก่ ต้นทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และค่านายหน้าจ่ายล่วงหน้า ด้านหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ในปี 2563 จะเท่ากับ 10,696.9 และ 2,799.4 ตามลำดับ โดยหนี้สินส่วนใหญ่ของบริษัท ได้แก่ เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน หุ้นกู้ และเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้าตามสัญญาจะซื้อจะขาย

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัท

โครงสร้างรายได้ของบริษัท แบ่งตามประเภทธุรกิจสำหรับปี 2560-2562 และงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2562-2563 เป็นดังนี้

โครงสร้างรายได้หลักของ SA
ที่มา: Siamese Asset

ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2563 SA มีรายได้รวมเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปีตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้ว โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นโครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียม โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้ทั้งหมด โดยในปี 2563 จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ Siamese Exclusive 31 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในระหว่างปี 2562 โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์ “Exclusive” จึงมีราคาขายเฉลี่ยต่อยูนิตที่ค่อนข้างสูง ทำให้โครงการนี้จึงมีสัดส่วนรายได้ต่อรายได้รวมจากการขายโครงการชุดคอนโดมิเนียมมากที่สุด

ด้านกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิ

ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ จำนวน 51.5 ล้านบาท 163.4 ล้านบาท และ 502.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 4.4 ร้อยละ 7.3 และร้อยละ 17.5 ตามลำดับ โดยอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากความสามารถเรื่องทำกำไรของโครงการใหม่ ๆ จากการบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการขายห้องชุดของโครงการคอนโดมิเนียมที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้ที่ลดลงอีกด้วย โดยค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมของบริษัทในปี 2562 คิดเป็นเพียงร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับร้อยละ 11.8 ในปี 2561

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,949.4 ล้านบาท ลดลง 542.3 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 21.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของบริษัทในภาพรวมได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ที่มา: Siamese Asset

ด้านอัตรากำไรขั้นต้น บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้นได้เป็นอย่างดี โดยตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2563 บริษัทก็มีกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นทุกปี โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นสอดคล้องกับรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรของโครงการใหม่ ๆ เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในปี 2563 บริษัท มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 44.2 ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งเท่ากับร้อยละ 41.8 ซึ่งเป็นผลจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการ Wyndham Residence Bangkok ซึ่งเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงต่อเนื่องจากปลายปีก่อน

ที่มา: Siamese Asset

เจาะจุดแข็งของ SA

  1. ทำเลที่ตั้งของโครงการดีและมีศักยภาพ โครงการของ SA ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ตามแนวระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะในบริเวณย่านศูนย์กลางทางธุรกิจ (CBD) หรือโซนส่วนต่อขยายศูนย์กลางธุรกิจ (New CBD)  เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก และถนนพระรามเก้า  
  2. จุดเด่นที่แตกต่าง SA มีการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส (Mixed-use) ซึ่งจะมีทั้งอาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงานให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก และโรมแรมในพื้นที่บริเวณเดียวกัน โดยเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนของห้องชุดพักอาศัยและส่วนของห้องพักเพื่อการบริการ นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ สำหรับการให้เช่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนนี้ก็จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้ และลดความเสี่ยงและความผันผวนของรายได้จากธุรกิจหลักอีกด้วย

  3. ควบคุมต้นทุนและคุณภาพงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน จากประสบการณ์ด้านการรับเหมาก่อสร้างของทีมผู้บริหาร ทำให้บริษัทสามารถจัดหาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการได้ในราคาที่เหมาะสม รวมถึงสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้รับเหมารายต่าง ๆ บริษัทจึงสามารถคัดเลือกผู้รับเหมาที่มีความเหมาะสมและมีความชำนาญตามส่วนงาน (Specialist Sub-Contractor) ทำให้บริษัทสามารถควบคุมบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. มีโครงการที่ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท

รายละเอียดการ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้น

สำหรับการเข้าระดมทุนผ่านการ IPO สู่ตลาดหุ้นของ SA ในครั้งนี้ ก็เพื่อนำเงินทุนไปต่อยอดพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต รวมทั้งเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ โดย SA จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 150,000,000 หุ้น คิดเป็นประมาณร้อยละ 13.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ หลังหักค่าใช้จ่ายที่เสนอขายหลักทรัพย์แล้ว ไปใช้ในการพัฒนาโครงการในพอร์ตและรองรับโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วนเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของการเสนอขายครั้งนี้ได้จากร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่นี่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=289184

(Special Content)