(Special Content)
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Disruption น่าจะกลายมาเป็นคำที่คุ้นหูของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ยิ่งเป็นตัวเร่งชั้นดีที่ทำให้ Disruption เกิดรวดเร็วยิ่งขึ้น นวัตกรรมใหม่ที่ถูกคิดค้นและนำมาใช้ จนก่อให้เกิดความต้องการใหม่มาแทนที่นวัตกรรมและความต้องการเดิมที่เคยมีอยู่ คือหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิด Disruption โดยเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือการเปลี่ยนแปลงชนิดที่ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
หลายคนอาจไม่ทันได้สังเกตว่า Disruption ใกล้ตัวกว่าที่คิด จนกระทั่งตัวเองก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แล้วด้วย ลองตอบคำถามง่าย ๆ กับตัวเองว่า ทุกวันนี้สั่งอาหารเดลิเวอรี่บ่อยกว่าการออกไปซื้อที่ร้านไหม? ซื้อของผ่านแอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์บ่อยกว่าการไปซื้อของที่ห้างไหม? หรือดูหนัง/ซีรีส์ผ่าน Netflix บ่อยกว่าการดูช่องทีวีปกติหรือไม่? ถ้าตอบว่าใช่ คุณก็เป็นคนปกติทั่วไปที่ได้รับผลกระทบของ Disruption นั่นคือการทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป
หลังม่านของนวัตกรรมที่ก่อให้เกิด Disruption ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา คือเทคโนโลยีต้นน้ำอันเป็นพื้นฐานของการต่อยอดนวัตกรรมต่าง ๆ หรือที่เรียกว่า Disruptive Technology ซึ่งปัจจุบันทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาในการพัฒนาได้เร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งนวัตกรรมใหม่ในอนาคตก็จะเกิดจากการต่อยอด Disruptive Technology หลายอย่างรวมเข้าด้วยกัน ทำให้ Disruption ที่อาจจะขึ้นเกิดในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่าในอดีตอย่างมหาศาล และจะทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ถือเป็นโอกาสอันดีที่ บลจ.บางกอกแคปปิตอล ได้ออกกองทุนใหม่ BCAP-DISRUPT (กองทุนเปิดบีแคป ดิสรัปทีฟ เทคโนโลยี) ที่จะรวบรวมการลงทุนในเทคโนโลยีต้นน้ำอันเป็นพื้นฐานขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่จะพลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ สำหรับเตรียมรับมือกับ Disruption ในอนาคต ให้ท่านลงทุนได้ง่าย ๆ ครบจบในกองทุนเดียว
ตัวอย่าง Disruptive Technology เทคโนโลยีต้นน้ำที่เป็นรากฐานขับเคลื่อนนวัตกรรมในอนาคต
- Autonomous and Robotic: เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรทำงานโดยอัตโนมัติแทนที่คำสั่งจากมนุษย์ เพื่อช่วยงานมนุษย์ให้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น
- AI and Big data: เป็นเทคโนโลยีที่ให้ระบบคอมพิวเตอร์วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จนเกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจ และนำมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- Blockchain Technology: เป็นเทคโนโลยีช่วยด้านความปลอดภัยและสร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมออนไลน์โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง นิยมนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกรรมการเงิน
- 3D Printing: เป็นเทคโนโลยีเครื่องจักรที่ใช้การเติมเนื้อวัสดุเพื่อทำให้เกิดเป็นรูปร่างที่สามารถจับต้องได้ตามที่ต้องการ โดยอาศัยข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล
- Semiconductor: เป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับวัสดุที่มีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าระหว่างตัวนำและฉนวน นิยมนำมาใช้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือวงจรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นที่ต้องการของทั่วโลก
- Space Exploration and Innovation: เป็นเทคโนโลยีด้านดาราศาสตร์และอวกาศที่อยู่นอกเหนืออาณาเขตของโลก เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติ
- Internet of Things: เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายและส่งผ่านข้อมูลให้กันได้แบบ Real-time
- Next G Internet: เป็นเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ตประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการใช้งาน Internet of Things ในอนาคต ที่อุปกรณ์ทุกชนิดจะถูกเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต
- Cloud Computing: เป็นเทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต
ตัวอย่างนวัตกรรมในอนาคตที่เกิดจาก Disruptive Technology
นวัตกรรมใหม่ในอนาคตจะเกิดจาก Disruptive Technology หลายอย่างรวมเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์ในนวัตกรรมเดียว ยกตัวอย่างเช่น Smart City (เมืองอัจฉริยะ) Robotic surgery (หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด) Self-Driving car (รถยนต์ไร้คนขับ) Delivery Drone (โดรนขนส่ง) Bitcoin (สกุลเงินดิจิทัล) Smart grid (ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ) Wireless Health (นวัตกรรมสุขภาพแบบไร้สาย) และ Smart farming (การเกษตรอัจฉริยะ)
รายละเอียดกองทุน BCAP-DISRUPT
กองทุนเปิดบีแคป ดิสรัปทีฟ เทคโนโลยี (BCAP-DISRUPT) เป็นกองทุน Thematic ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และ/หรือ ETF ต่างประเทศที่มีการกระจายการลงทุนในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อการต่อยอดนวัตกรรม (Disruptive Technology) ที่จะพลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคต โดยเน้นการลงทุนใน 9 ธีมการลงทุนย่อย ได้แก่ Autonomous and Robotic, Blockchain, Cloud Computing, AI and Big data, Next G Internet, Internet of Things, 3D Printing, Space Exploration and Innovation และ Semiconductor กองทุน BCAP-DISRUPT มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล และมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจ
ประมาณการสัดส่วนพอร์ตการลงทุนของกองทุน BCAP-DISRUPT (ข้อมูล ณ กันยายน 2564)
กองทุนเปิดบีแคป ดิสรัปทีฟ เทคโนโลยี (BCAP-DISRUPT) เน้นการลงทุนใน 9 ธีมการลงทุนย่อยที่เกี่ยวข้องกับ Disruptive Technology โดยกระจายการลงทุนในกองทุนรวมและ ETF ของหลากหลายบลจ.ทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 500 หลักทรัพย์ ซึ่งสามารถจัดเรียงลำดับพอร์ตการลงทุนตามสัดส่วนของแต่ละธีมการลงทุนได้ดังนี้
(20%) Autonomous and Robotic
– (10%) (ARKQ) ARK Autonomous Technology & Robotics ETF
– (10%) (RBOT) iShares Automation & Robotics UCITS ETF
(15%) AI and Big Data
– (15%) (AIQ) Global X Artificial Intelligence & Technology ETF
(15%) Blockchain Technology
– (15%) (BLCN) Siren Nasdaq NexGen Economy ETF
(15%) Cloud Computing
– (7.5%) (SKYY) First Trust Cloud Computing ETF
– (7.5%) (9826.HK) Global X China Cloud Computing ETF USD
(10%) 3D Printing
– (10%) (PRNT) 3D Printing ETF
(10%) Next G Internet
– (10%) (NXTG) First Trust Indxx NextG ETF
(10%) Internet of Things
– (10%) (SNSR) Global X Internet of Things ETF
(5%) Space Exploration and Innovation
– (5%) (ARKK) ARK Space Exploration & Innovation ETF
หากแบ่งสัดส่วนการลงทุนตามหมวดธุรกิจ จะพบว่าพอร์ตการลงทุนของกองทุน BCAP-DISRUPT ไม่ได้จำกัดการลงทุนเพียงแต่หมวดธุรกิจในด้าน Information Technology (IT) เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงหมวดธุรกิจอื่นที่เป็น Disruptive Technology ด้วยเช่นกัน อาทิ Industrial, Financials, Health care และ Real Estate
และเมื่อแบ่งสัดส่วนการลงทุนตามภูมิภาค จะพบว่าสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนของการลงทุนสูงที่สุดรวมกว่า 57.7% จากการที่สหรัฐฯเป็นผู้นำตลาดเทคโนโลยีล้ำสมัย ขณะที่จีนมีสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตเป็นลำดับสองที่ 13.6% จากการมีศักยภาพในการเติบโตสูง และการมีบทบาทที่มากขึ้นในตลาดโลก ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่ผู้จัดการกองทุนเห็นสมควร
ตัวอย่างบริษัทที่ BCAP-DISRUPT จะเข้าไปลงทุน (ข้อมูล ณ กันยายน 2564)
พอร์ตการลงทุนของกองทุน BCAP-DISRUPT เน้นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่เป็นหลัก (มูลค่าบริษัทมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป) ซึ่งจะมีความมั่นคง แต่ก็ยังคงมีศักยภาพการเติบโตของรายได้สูง ตัวอย่างบริษัทที่ BCAP-DISRUPT จะเข้าไปลงทุนเช่น
- TuSimple Holdings Inc. (NASDAQ: TSP) มูลค่าบริษัท 14,748 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– เป็น Holding Company ที่ถือหุ้นในธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับในรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันให้บริการลูกค้าในสหรัฐฯ เป็นหลัก
– รายได้ปี 2020: 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ประมาณการเติบโตของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า: เฉลี่ย 307.5% ต่อปี - NVIDIA Corporation (NASDAQ: NVDA) มูลค่าบริษัท 499,067 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– เป็นบริษัทออกแบบ พัฒนา และทำการตลาดการ์ดจอ (GPU) และผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมเกมส์ทั่วโลก อีกทั้งได้ประโยชน์จากการเติบโตของ Cryptocurrency
– รายได้ปี 2020: 10,918 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ประมาณการเติบโตของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า: เฉลี่ย 35.9% ต่อปี - Coinbase Global, Inc. (NASDAQ: COIN) มูลค่าบริษัท 52,975 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– เป็นบริษัทที่ให้บริการแพลตฟอร์มการซื้อขายโอนและเก็บรักษา Cryptocurrency และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ
– รายได้ปี 2020: 1,277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ประมาณการเติบโตของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า: เฉลี่ย 75.8% ต่อปี - Kingsoft Cloud Holdings Ltd. (NASDAQ: KC) มูลค่าบริษัท 7,819 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– เป็น Holding Company ที่ถือหุ้นในธุรกิจให้บริการ cloud computing solutions ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่นเกมส์ วิดีโอสตรีมมิ่ง และบริการทางการเงิน
– รายได้ปี 2020: 954 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
– ประมาณการเติบโตของรายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า: เฉลี่ย 54.7% ต่อปี
ผลการดำเนินงานของกองทุน BCAP-DISRUPT (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2564)
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานพอร์ตจำลองของกองทุน BCAP-DISRUPT (THB Unhedged) กับดัชนี MSCI ACWI TRI USD (THB Unhedged) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด (Benchmark) ย้อนหลัง 5 ปี จะพบว่ากองทุน BCAP-DISRUPT มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 59.8% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี 23.2% (ต่อปี) และผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี 22.4% (ต่อปี) ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่โดดเด่นเหนือกว่าดัชนีชี้วัดตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีย้อนหลัง
สรุปรายละเอียดและจุดเด่นของกองทุน BCAP-DISRUPT
- เป็นกองทุน Thematic ที่ลงทุนในเทคโนโลยีต้นน้ำที่เป็นรากฐานขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ เพื่อรองรับกับ Disruption ในอนาคต
- ลงทุนผ่านกองทุนและ ETF ของหลากหลายบลจ.ทั่วโลก ไม่จำกัดการลงทุนในบลจ.ใดบลจ.หนึ่งทำให้เข้าถึงหลักทรัพย์ได้มากกว่า 500 หลักทรัพย์
- มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยงโดยจัดพอร์ตการลงทุนให้ครอบคลุมหลากหลายธีมการลงทุนและกลุ่มธุรกิจ
กองทุนเปิดบีแคป ดิสรัปทีฟ เทคโนโลยี (BCAP-DISRUPT) มีกำหนดการ IPO ระหว่างวันที่ 6-12 ตุลาคม 2564 กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งถัดไป 500 บาท โดยมีค่าธรรมเนียมซื้อ (Front-end Fee) เก็บจริง 1.07% และค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) เก็บจริง 1.07% ต่อปี
*** พิเศษช่วง IPO ปรับลดค่าธรรมเนียมซื้อ (Front-end Fee) เหลือ 0.535%
ช่องทางการจองซื้อกองทุนและติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
นักลงทุนที่สนใจกองทุนเปิดบีแคป ดิสรัปทีฟ เทคโนโลยี (BCAP-DISRUPT) สามารถติดต่อจองซื้อกองทุนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา โทร. 1333 หรือผ่านทาง Bangkok Bank Mobile Banking (Bualuang mBanking) และเว็บไซต์ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Save-And-Invest/Mutual-Funds/Foreign-Investment-Funds/BCAP-DISRUPT
- บลจ. บางกอกแคปปิตอล โทร. 02-618-1360 | Facebook Page: BCAP Asset | Line @BCAPAsset และเว็บไซต์ www.bcap.co.th
- บมจ. บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต โทร 02-777-8999
- บล.โนมูระ พัฒนสิน โทร 02-638-5500
- บล.หยวนต้า โทร 02-009-8000
- บล.ฟิลลิป โทร 02-635-1718
- บลน.โรโบเวลธ์ โทร 02-026-6222
- บลน.ฟินโนมีนา โทร 02-026-5100 กด 2
ศึกษารายละเอียดของกองทุนเพิ่มเติมได้จากหนังสือชี้ชวน (Fund Factsheet) ทาง https://market.sec.or.th/public/mrap/MRAPView.aspx?FTYPE=M&PID=0624&PYR=2563