Investment Articles

โอกาสครั้งแรกสำหรับนักลงทุนทุกคนกับ “หุ้นกู้โลตัส” (Lotus’s)

(Special Content)

แม้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ยังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะที่เงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว ประกอบกับกระแสการเปิดเมืองอีกครั้งของจีน ทำให้หลายคนเริ่มมองว่าเศรษฐกิจโลก นำโดยสหรัฐฯ และยุโรป มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ซึ่งประเทศไทยเองก็น่าจะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่น่าจะยังขยายตัวได้ตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดีกว่าคาด และอุปสงค์จากจีนที่ฟื้นตัว รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและบริการ จากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามา หลังจีนประกาศเปิดประเทศ โดยจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดแรงงานและการบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยน่าจะสามารถฟื้นตัวได้ดีในปีนี้

หนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นธุรกิจค้าปลีก และผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอย่าง Lotus’s ก็เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ในนาม บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกของไทย โดยเป็นการออกหุ้นกู้ที่เสนอขายให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป (PO) เป็นครั้งแรกของบริษัท

ทำความรู้จัก Lotus’s

1. ภาพรวมธุรกิจ

บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด หรือ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้การนำเสนอการจับจ่ายที่ครบครันในที่เดียวให้แก่ลูกค้า (One-Stop Shop) โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 โลตัสมีร้านค้าปลีกจำนวน 2,578 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 223 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,153 แห่ง ซึ่งมีจุดเด่นในด้านระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายงานด้านโลจิสติกส์ (Distribution and Logistics Network) ที่มีประสิทธิภาพ โดยนอกจากการขายผ่านช่องทางออฟไลน์ โลตัสยังมีจุดแข็งผ่านการขายในช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศในการเป็น Fulfillment Center ที่สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย อีกทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ทำให้โลตัสมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกด้วยกัน ผ่านการเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายประเภท

นอกจากธุรกิจค้าปลีกแล้ว โลตัสยังมีธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าด้วย โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้ากว่า 200 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 339,700 ตารางเมตร โดยโลตัสถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF) คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 806,081 ตารางเมตร ซึ่งมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด โลตัสถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 70 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าก็อยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 90%

โลตัสยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและขยายธุรกิจในไทย เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก โดยมีแผนที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเปิดร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาใหม่ 4 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 150 แห่งต่อปี ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Lotus’s Smart app ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าแบบออนไลน์ โดยใช้สาขาของไฮเปอร์มาร์เก็ตและโลตัส โก เฟรช รวม 2,578 สาขา เป็นจุดกระจายสินค้า ที่สามารถส่งสินค้าตรงถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น

2. ผลประกอบการ และฐานะทางการเงิน

ด้านผลประกอบการ ในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 183,791.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 สะท้อนสัญญาณในทิศทางบวกจากการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ ซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถเปิดให้บริการศูนย์การค้าได้ตามปกติ และประชาชนมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น

ด้านโครงสร้างทางการเงิน ณ สิ้นปี 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 203,362 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของหนี้สิน 163,169 ล้านบาท และส่วนทุน 40,193 ล้านบาท

3. รายละเอียดหุ้นกู้ Lotus’s

“โลตัส” เตรียมออกหุ้นกู้เสนอขายให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป จำนวน 5 ชุด เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566 โดยหุ้นกู้ 5 ชุด กำหนดอัตราดอกเบี้ยเบื้องต้น ดังนี้

  • อายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย [2.80 – 2.95]% ต่อปี
  • อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.20 – 3.30]% ต่อปี
  • อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.50 – 3.60]% ต่อปี
  • อายุ 8 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.75 – 3.85]% ต่อปี
  • อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.00 – 4.15]% ต่อปี

หุ้นกู้ทุกรุ่นจ่ายดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง

อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” โดย ทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 จากสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบออมนิแชนแนล ที่มีช่องทางหลากหลายและครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยทริสเรทติ้งระบุว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีปัจจัยเสริมความแข็งแกร่งจากการมีพื้นที่เช่าในทำเลที่ดีและลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน 2566 ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)  ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน)

โดยสามารถติดต่อได้ทั้งที่สาขา ทางโทรศัพท์ ออนไลน์ และแอปพลิเคชั่น ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungsri Mobile App (“KMA”) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)*** โทร. 1428 กด#4
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น CIMB Thai Digital Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)**** โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

* ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

** ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

*** ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

 ****ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำรายการผ่านระบบออนไลน์ ผู้ลงทุนยังสามารถจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s ผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้อีกด้วย โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ทรูมันนี่ วอลเล็ท ได้ที่ App Store และ Play Store ดูรายละเอียด วิธีการสมัครแอปฯ และวิธีการจองซื้อได้ที่ www.truemoney.com หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 1240 กด 6

นักลงทุนท่านใดที่สนใจรายละเอียดการออกหุ้นกู้โลตัสครั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง >> https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=484336&SD=1704256619042566