หนึ่งปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก มาเช็คกันหน่อย ว่าปี 2017 ที่กำลังจะผ่านไป การลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ให้ผลตอบแทนเท่าไรกันบ้าง
1. ตลาดหุ้นไทย
• หุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งดูจาก SET50 Total Return Index ให้ผลตอบแทน 21.519% โดยเป็นผลตอบแทนที่รวมเอาราคา เงินปันผล และสิทธิต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว คือเป็นผลตอบแทนที่สะท้อนความจริงมากที่สุดจากการถือลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม .. ขณะที่ SET50 Index ที่สะท้อนราคาเพียงอย่างเดียวนั้นให้ผลตอบแทน 17.650% .. นั่นแปลว่า ผลตอบแทนส่วนอื่นนอกจากราคา เท่ากับ 3.869%
• หุ้นโดยรวม ซึ่งดูจาก SET Total Return Index ให้ผลตอบแทนรองลงมาที่ 17.299% .. ขณะที่ SET Index นั้นให้ผลตอบแทน 13.66% .. เท่ากับว่าผลตอบแทนส่วนที่เพิ่มจากราคา เท่ากับ 3.639%
• หุ้นปันผล ซึ่งดูจาก SET High Dividend Total Return Index ให้ผลตอบแทน 15.660% .. ขณะที่ SET HD Index ให้ผลตอบแทน 10.892% .. นั่นคือผลตอบแทนที่นอกเหนือจากราคา เท่ากับ 4.768% เหนือกว่า SET50 Index และ SET Index ประมาณ 1% .. แต่กระนั้น ต้องไม่ลืมว่า ผลตอบแทนรวมในปี 2017 จากหุ้นปันผล ก็ยังต่ำกว่าหุ้นใหญ่และหุ้นโดยรวม ๆ อยู่ดี
• หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งดูจาก mai Total Return Index ให้ผลตอบแทนติดลบ (นั่นก็คือขาดทุน) -10.971% และหากไม่รวมปันผลและสิทธิต่าง ๆ จะให้ผลตอบแทน -12.316% .. นับเป็นปีที่ไม่ดี ของหุ้นกลางและหุ้นเล็กในตลาด mai
(ข้อมูลจากบริการ เอสเพนโดยไทยเควสต์)
2. กองทุนรวมที่ขายในไทย
• กองทุนหุ้นไทย: กองทุนเปิดกรุงศรีไฟแนนเชียลโฟกัสปันผล (KFFIN-D) ให้ผลตอบแทน 41.63%
• กองทุนหุ้นต่างประเทศ: กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity (TMBCOF) ให้ผลตอบแทน 50.84%
• กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBCORMF) ให้ผลตอบแทน 49.46%
• กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF): กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวอิควิตี้ (KFLTFEQ) ให้ผลตอบแทน 31.98%
หมายเหตุ: ผลตอบแทนในอดีตเพียงช่วงเวลาหนึ่ง ไม่อาจรับประกันผลงานระยะยาวในอนาคตได้
(ข้อมูลจาก Treasurist.com และ Morningstar)
(Sponsored)Treasurist ให้คุณเริ่มลงทุนในกองทุนรวมได้อย่างง่าย ๆ ด้วยรูปแบบที่เหมาะกับคุณที่สุด โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ใช้งานฟรี >>คลิกเลย <<
3. ดัชนีหุ้นต่างประเทศ
• สหรัฐอเมริกา: NASDAQ100 เพิ่มขึ้น 31.52%, Dow Jones เพิ่มขึ้น 25.08%
• ยุโรป: BIST100 (ตุรกี) เพิ่มขึ้น 47.60%, OMX Riga (ลัทเวีย) เพิ่มขึ้น 35.76%
• ทวีปอเมริกา: IBC (เวเนซูเอลา) เพิ่มขึ้น 3,884.02% ซึ่งน่าจะเป็นผลส่วนใหญ่จากเงินเฟ้อระดับสูงมาก ๆ, MERVAL (อาร์เจนตินา) เพิ่มขึ้น 77.72%
• เอเซีย: MSE TOP 20 (มองโกเลีย) เพิ่มขึ้น 68.89%, KASE (คาซัคสถาน) เพิ่มขึ้น 59.27%
• โอเชียเนีย: NZX 50 (นิวซีแลนด์) เพิ่มขึ้น 22.04%, Australian All (ออสเตรเลีย) เพิ่มขึ้น 7.84%
• อัฟริกา: Zimbabwe Industrial (ซิมบับเว) เพิ่มขึ้น 117.67%, GGSECI (กานา) เพิ่มขึ้น 52.69%
• เพื่อนบ้านใกล้ ๆ เรา/อาเซียน: VN (เวียดนาม) เพิ่มขึ้น 48.04%, PSEi (ฟิลลิปปินส์) เพิ่มขึ้น 24.73%, JCI (อินโดนีเซีย) เพิ่มขึ้น 19.99%, STI (สิงคโปร์) เพิ่มขึ้น 18.13%, SET Index (ไทย) เพิ่มขึ้น 13.66%, FKLCI (มาเลเซีย) เพิ่มขึ้น 9.45%, LSX Composite (ลาว) -1.59%
(ข้อมูลจาก Tradingeconomics.com)
4. สินค้าโภคภัณฑ์
• พลังงาน: น้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 12.47%, ก๊าซธรรมชาติ ลดลง 20.70%
• โลหะ: พัลลาเดียม (ใช้ผลิตไส้กรองไอเสีย และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) เพิ่มขึ้น 56.25%, ทองคำ เพิ่มขึ้น 13.11%
(ข้อมูลจาก Tradingeconomics.com)
5. สินทรัพย์ดิิจิตอล
• Ripple เพิ่มขึ้น 37,244% (372 เท่าตัว จาก $0.0064 มาเป็น $2.39)
• NEM เพิ่มขึ้น 27,319% (273 เท่าตัว จาก $0.0038 มาเป็น $1.04)
• Dash เพิ่มขึ้น 9,343% (93 เท่าตัว จาก $11.14 มาเป็น $1,052)
• Ethereum เพิ่มขึ้น 8,804% (88 เท่าตัว จาก $8.15 มาเป็น $726)
• Litecoin เพิ่มขึ้น 5,197% (52 เท่าตัว จาก $4.39 มาเป็น $233)
• Bitcoin เพิ่มขึ้น 1,349% (13 เท่าตัว จาก $960 มาเป็น $13,915)
(ข้อมูลจาก coinmarketcap.com ณ 16.00น. วันที่ 30 ธ.ค. 60)
— รายงานโดย SJ@TIF —
Categories: Investment Articles