Financial Markets Update

21 พ.ค. 63 | แนวโน้ม SET Index และภาวะลงทุนรอบโลก

  • SET Index — ปิดทรงตัวที่ระดับ 1,320.69 จุด // แนวโน้มระยะสั้น — ยังคงเป็นขาขึ้น ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 63 // แนวโน้มระยะกลาง — ยังคงเป็นขาขึ้นเช่นกัน ติดต่อกันได้ 5 สัปดาห์ ตั้งแต่ 24 เม.ย. 63 // แนวโน้มขาลง & ขาขึ้น ให้ดูที่ทิศทางลูกศร MACD และแถบสีเขียว (แนวโน้มดีต่อนักลงทุน)/สีแดง (แนวโน้มแย่ต่อนักลงทุน) ในกราฟด้านล่างนี้
  • การซื้อขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ — ในภาพรวม ต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อน ขายได้ขายดี หุ้นขึ้นก็ขาย หุ้นลงก็ขาย เฉพาะปีนี้ขายสุทธิมากกว่า 1.8 แสนล้านบาทแล้ว และวันนี้ขายสุทธิอีก 3 พันล้านบาท ซึ่งหากจะดูภาพรวมประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นไปตามรูปด้านล่างนี้
(เส้นสีเหลือง >> ยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ)
  • ค่าเงินบาทเทียบ USD — แข็งค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ 31.82 THB/USD ทำให้แนวโน้มระยะกลางกลับเป็นด้านแข็งค่าแล้ว
  • ราคาน้ำมันดิบ — ฟื้นตัวแรงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 36.38 USD/bbl ทำให้แนวโน้มระยะกลางกลับเป็นขาขึ้นเช่นกัน
  • ทองคำ — ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อยู่

  • Snapshot ตลาดหุ้นที่สำคัญ ค่ำนี้ (ข้อมูลจาก tradingeconomics.com / cnbc.com) — ลบเล็กน้อย
  • Snapshot ตลาดตราสารหนี้ไทย (ข้อมูลจาก ThaiBMA.or.th) — ตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นถึงระยะกลาง ราคาเพิ่มขึ้น ตราสารหนี้เอกชน ราคาลดลง ซึ่งจะสะท้อนไปยังราคากองทุนตราสารหนี้ประเภทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง .. โดยที่ ราคา vs ผลตอบแทน ของตราสารหนี้ จะแปรผกผันกัน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกอัตราดอกเบี้ยและราคาตราสารหนี้ได้ ที่นี่)

  • สัญญาณขาขึ้นขาลงที่อยู่ในกราฟ (ตัวหนังสือ MACD พร้อมหัวลูกศร) มาจากเครื่องมือ MACD ซึ่งสัญญาณนั้นเป็น “ผล” จาก “เหตุปัจจัยต่าง ๆ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น การเมืองไทย การเมืองโลก เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภาวะธุรกิจตลอดจนข่าวของบริษัทเอง ฯลฯ … เราจึงดูกราฟเพื่อให้รู้ว่าปัจจัยต้นเหตุต่าง ๆ การคาดการณ์ต่าง ๆ ในช่วงนี้ ส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะนี้ต่อไปถึงอนาคต “ใกล้ ๆ” อย่างไรบ้าง … แต่เราไม่สามารถเอากราฟซึ่งเป็น “ผล” กลับไปพยากรณ์ “เหตุ” ในอนาคตไกล ๆ ได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไร หรือแนวเทคนิกแบบไหนก็ตาม
  • อ่านเพิ่มเติมเรื่อง MACD ได้ >> ที่นี่ (หลักการ) และ ที่นี่ (การดูแนวโน้ม)
  • ข้อมูลตลาดหุ้นจะใช้ SET Index เป็นตัวแทน เพื่อให้นำเสนอข้อมูลภาพรวมได้จริงในทางปฏิบัติ ภาวะของหุ้นรายตัวอื่น ๆ อาจต่างไปจากภาวะของตลาดโดยรวมก็ได้ นักลงทุนจึงควรพิจารณาสถานะของหุ้นรายตัวที่นักลงทุนสนใจ ควบคู่กันไป